ควรไปตรวจหรือไม่ ลองดูตารางนี้
        
    ตรวจโควิดฟรี มีเกณฑ์แบบนี้
อาการป่วย
          มีอาการทางเดินหายใจ ข้อใดข้อหนึ่ง ได้แก่
          - ไอ
          - มีน้ำมูก
          - เจ็บคอ
          - หายใจเร็วเหนื่อย หายใจลำบาก
          - จมูกไม่ได้กลิ่น หรือลิ้นไม่รับรส
          ในการแพร่ระบาดเมื่อเดือนเมษายน 2564 ซึ่งเป็นสายพันธุ์อัลฟา พบอาการแสดงเพิ่มเติม คือ มีผื่น ตาแดง และถ่ายเหลว
ว่าเข้าข่าย "ประวัติเสี่ยง" ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้หรือไม่
- เดินทางมาจากเขตติดโรค หรือพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง
- ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เดินทางมาจากเขตติดโรค หรือพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง
- สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยยืนยัน
- เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน
(ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์)
*หากไม่มีอาการ แต่มีประวัติเสี่ยง : ให้กักตัว 14 วัน เพื่อดูอาการ หรือหากอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด หรือเดินทางไปยังจุดที่มีการระบาด ให้ติดตามประกาศจากทางการ ซึ่งอาจจะให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ฟรีด้วย แม้ยังไม่มีอาการ
*หากมีอาการ แต่ไม่มีประวัติเสี่ยง : อาจป่วยด้วยโรคหวัด หรือโรคอื่น ให้รักษาตามอาการ แต่ถ้าผ่านไป 48 ชั่วโมงแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ให้ไปพบแพทย์
*หาก "มีอาการป่วย" และ "มีประวัติเสี่ยง" : เข้าเกณฑ์ตรวจโควิด 19 สามารถเข้าตรวจในโรงพยาบาลตามสิทธิ์ (บัตรทอง ประกันสังคม ราชการ) ไม่ว่าจะได้ผลบวกหรือผลลบก็ไม่เสียค่าใช้จ่าย
จุดตรวจ COVID-19 ฟรี
หน่วยบริการตรวจเชิงรุก COVID-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
สามารถตรวจสอบข้อมูลการลงพื้นที่ในแต่ละวันได้ที่เฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์
สิ่งที่ต้องเตรียมไปด้วย
   1. บัตรประจําตัวประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา
   2. ปากกาส่วนตัวเพื่อใช้ลงทะเบียน (เลี่ยงการสัมผัสหรือส่งต่อ)
* หากต้องการเอกสารรับรองผลการตรวจ กรุณาสอบถามเจ้าหน้าที่ ณ หน่วยตรวจ ในวันที่เข้ารับการตรวจ
* สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละจุด ได้ที่ Facebook แฟนเพจ ของสำนักงานเขตพื้นที่ที่ให้บริการ
รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย พระราชทาน
สถานพยาบาลที่รับตรวจโควิด 19
- โรงพยาบาลหลายแห่งเปิดรับคิวตรวจฟรีในแต่ละวัน ซึ่งคิวจะเต็มเร็วมากตั้งแต่ช่วงเช้า แนะนำให้สอบถามจากโรงพยาบาลหรือติดตามข่าวจากเฟซบุ๊กของโรงพยาบาลที่เราสะดวกไปรับการตรวจอีกครั้ง
 - สำหรับผู้ที่ "มีอาการป่วย" และ "มีประวัติเสี่ยง" สามารถตรวจได้ฟรีในโรงพยาบาลตามสิทธิ์รักษาพยาบาล แต่หากไม่เข้าเกณฑ์ตรวจฟรีจะต้องเสียค่าตรวจโควิดเอง โดยมีจุดที่รับตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาอยู่หลายโรงพยาบาล อาทิ
 
- สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ค่าใช้จ่ายสำหรับชาวไทย 1,500 บาท ชาวต่างชาติ 2,000 บาท
 - สถาบันบำราศนราดูร ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท
 - โรงพยาบาลรามาธิบดี ค่าใช้จ่าย ชาวไทยไม่เกิน 2,500 บาท ชาวต่างชาติไม่เกิน 3,500 บาท
 - โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ค่าใช้จ่าย 2,900 บาท
 - โรงพยาบาลศิริราช ค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000-3,000 บาท
 - โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000-6,000 บาท (ไม่รวมค่าบริการอื่น ๆ และรับตรวจเฉพาะกลุ่มเสี่ยง)
 - โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ค่าใช้จ่าย 3,000-6,000 บาท (รับตรวจเฉพาะกลุ่มเสี่ยง)
 - โรงพยาบาลตำรวจ ค่าใช้จ่าย 2,200 บาท
 
- โรงพยาบาลกรุงเทพ ค่าใช้จ่าย 4,300-4,800 บาท (รับตรวจเฉพาะผู้ที่มีอาการเท่านั้น)
 - โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (Drive Thru) ตรวจในคลินิก 3,500 บาท
 - โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท
 - โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท หากต้องการใบรับรองแพทย์มีค่าบริการเพิ่ม 500 บาท
 - โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ค่าใช้จ่าย 2,500 บาท
 - โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ ค่าใช้จ่าย 2,500 บาท
 - โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (สำหรับคนไทย)
 - โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สระบุรี ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ฉะเชิงเทรา ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท
 - โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ ค่าใช้จ่าย 3,500 บาท หากต้องการใบรับรองแพทย์มีค่าบริการเพิ่ม 100 บาท
 - โรงพยาบาลคามิลเลียน ค่าใช้จ่าย 4,000 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ค่าใช้จ่าย 1,000 บาท (ตรวจแบบ Rapid Test) หากต้องการใบรับรองแพทย์มีค่าบริการเพิ่ม 500 บาท ตรวจแบบ Drive Thru ราคา 3,000 บาท (ตรวจแบบ rt pcr)
 - โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลนครธน ค่าใช้จ่าย 3,240 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลนวมินทร์ ค่าใช้จ่าย 2,990 บาท
 - โรงพยาบาลนวเวช 3,000 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลนันอา ค่าใช้จ่าย 1,150 บาท (ตรวจแบบ Rapid Test) หากต้องการใบรับรองแพทย์มีค่าบริการเพิ่ม 400 บาท
 - โรงพยาบาลบางปะกอก 9 ค่าใช้จ่าย 3,500 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลบางปะกอก-รังสิต 2 ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลบางโพ ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (Drive Thru) ถ้าต้องการพบแพทย์และรับใบรับรองแพทย์ราคาจะอยู่ที่ 3,500 บาท
 - โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ค่าใช้จ่ายประมาณ 4,500-5,500 บาท (ตรวจเฉพาะผู้มีอาการเท่านั้น)
 - โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล พหลโยธิน ค่าใช้จ่าย 4,500 บาท
 - โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล เกษตร ค่าใช้จ่าย 3,500 บาท
 - โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล โชคชัย 4 ค่าใช้จ่าย 4,500 บาท
 - โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล รังสิต ค่าใช้จ่าย 4,500 บาท 
 - โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก สาขาอโศก ราคา 2,000 บาท
 - โรงพยาบาลพญาไท 1 ค่าใช้จ่าย 3,500 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลพญาไท 2 ค่าใช้จ่าย 4,500 บาท
 - โรงพยาบาลพญาไท 3 ค่าใช้จ่าย 4,500 บาท
 - โรงพยาบาลพระราม 9 ค่าใช้จ่าย ชาวไทย 5,650 บาท ชาวต่างชาติ 6,425 บาท (อาจมีค่าใช้จ่ายในการตรวจเพิ่มเติมตามดุลยพินิจของแพทย์)
 - โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ค่าใช้จ่าย 3,800 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลรามคำแหง ค่าใช้จ่าย 1,400-5,000 บาท
 - โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ค่าใช้จ่าย 6,500-7,000 บาท (รวมค่าบริการทางการแพทย์)
 - โรงพยาบาลวิภาวดี ค่าใช้จ่าย 3,500 บาท (Drive Thru) หากต้องการใบรับรองแพทย์มีค่าบริการเพิ่ม 500 บาท
 - โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ค่าใช้จ่าย ชาวไทย 3,000 บาท ชาวต่างชาติ 3,500 บาท ถ้าต้องการใบรับรองแพทย์ มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 650 บาท สำหรับชาวไทย และ 850 บาท สำหรับชาวต่างชาติ
 - โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์ ค่าใช้จ่าย 3,500 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลสินแพทย์ กาญจนบุรี ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (Drive Thru) หากต้องการใบรับรองแพทย์มีค่าบริการเพิ่ม 1,000 บาท
 - โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ค่าใช้จ่าย 4,500 บาท (Drive Thru) หากต้องการใบรับรองแพทย์มีค่าบริการเพิ่ม 1,000 บาท
 - โรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ ค่าใช้จ่าย 2,900 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลสุขุมวิท ค่าใช้จ่าย 3,900 บาท ทั้งแบบ Drive Thru และ Walk in
 - โรงพยาบาลอินทรารัตน์ 3,500 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลมหาชัย 2 ค่าใช้จ่าย 4,500 บาท (Drive Thru)
 - โรงพยาบาลเอกชัย สมุทรสาคร ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (Drive Thru) หากต้องการใบรับรองแพทย์มีค่าบริการเพิ่ม 150 บาท
 - โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ค่าใช้จ่าย 3,800 บาท
 - โรงพยาบาลสิริเวช จันทบุรี ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท (รวมค่าบริการทุกอย่างแล้ว)
 - โรงพยาบาลขอนแก่น ราม ค่าใช้จ่าย 2,000-4,000 บาท (ขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจ)
 - โรงพยาบาลอุบลรักษ์ ธนบุรี อุบลราชธานี ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500 บาท
 - โรงพยาบาลราชเวชอุบลราชธานี ค่าใช้จ่าย 1,300-5,800 บาท
 - โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่ ค่าใช้จ่าย 1,200-3,000 บาท (ขึ้นอยู่กับวิธีตรวจ)
 - โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม ค่าใช้จ่าย 3,900 บาท (รวมค่าบริการทางการแพทย์และใบรับรองแพทย์)
 - โรงพยาบาลพะเยา ราม ค่าใช้จ่าย 900-1,500 บาท หากต้องการใบรับรองแพทย์มีค่าบริการเพิ่มประมาณ 250 บาท
 
รายชื่อห้องปฏิบัติการตรวจโควิด 19
        
    1. ใครมีสิทธิ์ตรวจโควิด 19 ฟรี ?
- มีอาการ : มีอาการทางเดินหายใจข้อใดข้อหนึ่ง (ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเร็วเหนื่อย หายใจลำบาก หรือจมูกไม่ได้กลิ่น)
- มีประวัติเสี่ยง : อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
>> เดินทางมาจากเขตติดโรค หรือพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง
>> ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เดินทางมาจากเขตติดโรค หรือพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง
>> สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยยืนยัน
>> เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน
(ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์)
2. ไม่มีอาการป่วย-ไม่มีประวัติเสี่ยง จำเป็นต้องไปตรวจไหม ?
3. ไม่มีอาการ แต่มีประวัติเสี่ยง ต้องไปตรวจไหม ?
ทั้งนี้ กรณีอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือเคยเดินทางไปยังจุดแพร่ระบาด แม้จะยังไม่มีอาการก็ควรไปตรวจ
4. เตรียมตัวอย่างไรเมื่อจะเดินทางไปตรวจหาเชื้อ ?
- พกเจลล้างมือติดตัว
- ขับรถส่วนตัวไปโรงพยาบาล
- ไม่ควรเดินทางด้วยพาหนะสาธารณะ
5. มีวิธีการตรวจหาเชื้อแบบไหนบ้าง
1. ตรวจหาเชื้อในทางเดินหายใจ (Real-time RT PCR) ใช้วิธีป้ายเยื่อบุในคอ หรือป้ายเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูก เพื่อนำเชื้อไวรัสในเซลล์มาตรวจ หรือหากเชื้อลงปอดก็ต้องนำเสมหะที่อยู่ในปอดออกมาตรวจ
2. ตรวจด้วยการเจาะเลือด (Rapid Test) ไม่ใช่การตรวจหาเชื้อโดยตรง แต่เป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกันในร่างกาย หรือเรียกว่า IgM/IgG Antibody Test ซึ่งร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันหลังจากมีอาการป่วยราว 5-7 วัน สามารถทราบผลได้เร็วภายในเวลา 15 นาที
3. การตรวจหาเชื้อในน้ำลาย โดยกระทรวงสาธารณสุขจะใช้วิธีนี้ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก และการค้นหาผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการในชุมชน เนื่องจากมีข้อดีคือ ราคาถูก เก็บตัวอย่างได้ง่ายกว่า สามารถเก็บได้ด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีการตรวจดังกล่าวโรงพยาบาลรามาธิบดีได้ทำการวิจัยพบว่าได้ผลแม่นยำ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับวิธีการตรวจจากสารคัดหลั่งจากจมูกและคอ หรือวิธีการตรวจหาสารพันธุกรรม (RT-PCR) >> อ่านเพิ่มเติม RT PCR คือ <<
6. หากทราบผลว่าติดเชื้อ ต้องทำอย่างไรต่อ ?
7. ตรวจแล้วไม่เจอเชื้อ แสดงว่าไม่ได้ป่วยโควิด 19 ใช่หรือไม่ ?
8. ซื้อชุดตรวจ Rapid Test มาตรวจเองได้ไหม ?
ขอบคุณข้อมูลจาก
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, กรมควบคุมโรค, สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร, ศูนย์ข้อมูล COVID-19
กรุงเทพธุรกิจ, ไทยพีบีเอส, กรมควบคุมโรค
          
        
                            
        
        
        
        
        
        
      
      
      
      
      
      
      
      
      
      
      
      





