สธ. ไขข้อข้องใจ ทำไมต้องฉีดไฟเซอร์แก่กลุ่มที่ได้รับซิโนแวค 2 เข็ม เพราะมีผลการวิจัยออกมาชัดเจน เล็งหักยอดคนฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็ม 3 ให้บุคลากรส่วนอื่นที่ไม่ใช่ด่านหน้า
ภาพจาก rarrarorro / Shutterstock.com
หลังจากที่สหรัฐอเมริกาส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสให้แก่ประเทศไทย แต่กลับกลายเป็นดราม่า เมื่อทางกระทรวงสาธารณสุข มีการออกระเบียบบุคลากรทางการแพทย์ที่จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ ต้องผ่านซิโนแวคมาแล้ว 2 เข็มเท่านั้น ทำให้บุคลากรทางการแพทย์หลายคนถูกตัดสิทธิ์ หลายคนเกิดคำถามขึ้นมาว่า แบบนี้จะเหลือคนที่ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์กี่คน และส่วนที่เหลือจากบุคลากรทางการแพทย์ จะเอาไปฉีดใคร ?
อ่านข่าว : ด่านหน้าโวยแหลก เงื่อนไขได้ไฟเซอร์ยุบยับ ด่านหน้าจะรับต้องฉีดซิโนแวค ถ้าไม่เคยฉีดก็ไม่ได้ ?!
ล่าสุด วันที่ 1 สิงหาคม 2564 กรุงเทพธุรกิจ นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 กรณีวัคซีนโควิดไฟเซอร์ เปิดเผยถึงเกณฑ์การจัดสรรวัคซีน ที่สังคมกำลังสงสัยอยู่ว่า การจะใช้วัคซีนตัวไหนเพื่อความปลอดภัย จะมีอนุกรรมการวิชาการด้านวัคซีนพิจารณา และการใช้ไฟเซอร์เป็นเข็มกระตุ้นสำหรับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มนั้น ก็เป็นไปตามข้อมูลวิชาการ คือ ซิโนแวค 2 เข็มอาจจะไม่เพียงพอ จำเป็นต้องกระตุ้นด้วยเข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์โดสด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าหรือไฟเซอร์
ส่วนกรณีอื่น ๆ เช่น กลุ่มได้รับแอสตร้าเซนเนก้ามาแล้ว 2 เข็ม, กลุ่มซิโนแวคเข็มแรก แอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 ก็มีการเตรียมศึกษาวิจัยเพิ่มเติม โดยจัดสรรวัคซีนลอตนี้ประมาณ 5,000 โดส เพื่อที่จะมีข้อมูลวิชาการรับรองตอนที่ไฟเซอร์ 20 ล้านโดสถูกส่งมา
สาเหตุที่ไม่ให้ไฟเซอร์เป็นเข็ม 1
สำหรับสาเหตุที่ ทำไมไม่ให้ไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 1 เป็นเพราะว่า มีนโยบายให้ฉีดวัคซีนไปก่อนหน้านี้แล้ว ยกเว้นคนที่มีเงื่อนไขแพ้วัคซีนโควิด ที่เคยมีให้ จะได้ไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 1 โดยพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ตอนนี้อยู่ระหว่างการสำรวจว่า มีจำนวนเท่าไหร่ แต่โดยหลัก ๆ ขอเน้นฉีดบุคลากรด่านหน้าสำหรับบูสเตอร์โดสก่อน เพราะมีข้อมูลวิชาการรองรับ
กรณีที่คณะทำงานมีการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าไป 7 แสนโดส เป็นจำนวนตามฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนฐานข้อมูลบุคลากรที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มที่ 3 ไปก่อนหน้านี้ ตัวเลขอยู่ที่กรมควบคุมโรค แต่ผลสรุปออกมาไม่ทันในการประชุมเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา จึงต้องอนุมัติที่ 7 แสนโดสไปก่อน แต่ถ้ามียอดเข้ามาชัดเจนว่ามีบุคลากรรับแอสตร้าเซนเนก้าไปเท่าใด ก็จะจัดสรรให้แก่กลุ่มอื่น ๆ ต่อไป
เล็งเกลี่ยวัคซีนให้กลุ่มอื่น หักยอดคนที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็ม 3
นอกจากนี้ ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) กรณีโรคโควิด 19 ที่มี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเห็นว่า ยังมีกลุ่มเสี่ยงกลุ่มอื่นที่ยังเสี่ยงติดโควิดได้ แม้จะไม่ได้เป็นด่านหน้าก็ตาม ตรงจุดนี้จะมีการพิจารณาเรื่องวัคซีนเพิ่มเติม และอาจจะมีการเกลี่ยวัคซีนไปให้กลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มนักเรียนที่ต้องเดินทางไปกระทรวงต่างประเทศ เบื้องต้น 1.5 แสนโดส ถ้าหากจำนวนขาดก็จะมาเกลี่ยให้เพิ่มเติม แต่ถ้าเหลือก็จะเอามารวมเป็นกองกลาง และกระจายไปยัง 13 จังหวัดพื้นที่เสี่ยง
แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้จะต้องจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ 7 แสนโดสสำหรับเจ้าหน้าที่ด่านหน้าก่อน และวัคซีนที่ส่งมายังพอมีเหลือ เพราะยังไม่ได้หักคนที่ได้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ก็จะนำมาจัดสรรให้ครอบคลุมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอื่น ๆ เช่น เจ้าหน้าที่เอ็กซเรย์ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรืออื่น ๆ ก็ล้วนมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ก็อยู่ในการพิจารณาทั้งหมด หลังจากนี้จะมีการนำเสนอให้ ศบค. ต่อไป
อ่านรายละเอียดการ จองวัคซีนไฟเซอร์
