จากใจบุคลากรหน้าด่านถูกตัดสิทธิ์ไฟเซอร์ เจ็บปวดกระทรวงไม่เห็นคุณค่า เตรียมลางานไปฉีดไฟเซอร์ที่อเมริกาเอง ชี้ ความสำคัญของไฟเซอร์ไม่ได้อยู่แค่เรื่องคุณภาพ แต่หมายถึงขวัญกำลังใจ
หลังจากที่มีเสียงวิจารณ์ทั่วสารทิศ เรื่องเงื่อนไขการให้วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสแก่บุคลากรทางการแพทย์ ต้องมีเงื่อนไขได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มแล้วเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ได้ ส่วนเงื่อนไขอื่น ๆ เช่น ฉีดวัคซีนยี่ห้ออื่นมาก่อนหน้านี้หมดสิทธิ์ จนทำให้เกิดคำถามว่า จะกั๊กวัคซีนไว้ให้ใครหรือเปล่า ทั้งที่เป็นของบริจาค ควรให้คนที่ทำงานหนักที่สุด เพื่อประคองระบบสาธารณสุขให้เดินต่อไปได้
อ่านข่าว : ด่านหน้าโวยแหลก เงื่อนไขได้ไฟเซอร์ยุบยับ ด่านหน้าจะรับต้องฉีดซิโนแวค ถ้าไม่เคยฉีดก็ไม่ได้ ?!
ล่าสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 บุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกตัดสิทธิ์วัคซีนไฟเซอร์ ก็ยังคงทยอยออกมาส่งเสียงวิจารณ์ออกมาเรื่อย ๆ โดยคนหนึ่งได้ประกาศออกมาชัดเจนว่า ตนเองนั้นเป็นหมอที่ไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ จากระเบียบที่ประกาศออกมา เมื่อเป็นเช่นนี้จึงขอลางานไปฉีดวัคซีนเองที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนสิงหาคมนี้ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขก็ไม่เห็นคุณค่าของบุคลากร
เสียงจากหมอ ฉีดซิโนแวคแล้วเป็นอัมพาตครึ่งซีก อุตส่าห์รอไฟเซอร์ แต่สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย
บุคลากรทางการแพทย์อีกคนหนึ่ง เล่าว่า ตนนั้นเคยฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก แต่เกิดอาการแพ้ ต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการสมองขาดเลือดชั่วคราว หรือเรียกได้ว่า สโตรก อัมพฤกษ์หรืออัมพาตครึ่งซีก เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนกลัวมาก จนปฏิเสธวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 2
ส่วนวัคซีนยี่ห้ออื่น ๆ เช่น แอสตร้าเซนเนก้า ตนไม่ฉีดเพราะเป็นผู้หญิงอายุน้อย มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ ขอยอมรับความเสี่ยงการไม่ฉีดวัคซีนนี้เอง แม้ว่าจะปฏิเสธวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว แต่ก็พยายามหาวัคซีนอื่น ๆ เช่น วัคซีนโมเดอร์นาของโรงพยาบาลเอกชน ตนนั้นก็จองและจ่ายเงินมัดจำด้วยความยินดี แม้จะไม่รู้ว่าวัคซีนยี่ห้อนี้จะมาตอนไหน
สุดท้ายฝันสลาย เพราะจากเงื่อนไขที่ประชุม ตนได้รับวัคซีนซิโนแวคเข็มเดียว ทำให้อดได้วัคซีนไฟเซอร์ เรื่องนี้ตนผิดหวังมาก ร้องไห้แทบทุกวัน ทำงานหนักแบบนี้ ทำไมต้องทอดทิ้งพวกเรา ทำไมตนไม่มีสิทธิ์ได้วัคซีนรอบนี้ คนไข้เพิ่มขึ้นทุกวัน โรคไม่ได้รอเรา ทำไมความปลอดภัยของบุคลากรถึงต้องรอด้วย
และเสียงของตนก็เป็นแค่ 1 เสียงที่บอกเล่า ยังมีบุคลากรอีกหลายคนที่ถูกตัดสิทธิ์ ตนเชื่อว่า สิทธิ์ในการเลือกวัคซีนเป็นของทุกคน ไม่ใช่แค่บุคลากรทางการแพทย์ แต่คือประชาชนทุกคน หน้าที่ของรัฐคือจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ และเลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาให้ประชาชน
"เราอยากจะบอกว่า ไฟเซอร์รอบนี้มันไม่ใช่แค่วัคซีนที่ดี แต่มันคือขวัญกำลังใจ คือความปลอดภัยต่อชีวิตของบุคลากร"
เสียงจากหมอ หลอกล่อให้ฉีดแอสตร้าฯ เข็ม 3 - ตัดสิทธิ์รัว ๆ แบบนี้ เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร
นอกจากนี้ บุคลากรทางการแพทย์อีกท่าน ยังกล่าวว่า เกณฑ์การเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ ควรจะออกมาก่อนที่เพื่อให้บุคลากรตัดสินใจ ไม่ใช่วัคซีนมาแล้วค่อยมาบอกเกณฑ์ เพราะก่อนหน้านี้ ที่มีนโยบายให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดเข็ม 3 ก็มาพร้อมกับนโยบายให้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็ม 3 และคำพูดที่ตามมาเช่น ถ้ารอไฟเซอร์ก็ไม่รู้จะได้เมื่อไร คนทำงานที่ต้องเจอเชื้อทุกวันก็ไม่เชื่อใจ เลยจำใจฉีดแอสตร้าเซนเนก้าไปก่อน ซึ่งน้อยคนที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า เพราะกลัวผลข้างเคียงของวัคซีน mRNA
การประกาศเกณฑ์รับวัคซีนทีหลังแบบนี้ ทำให้คนที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มเดียว อดรับวัคซีนไฟเซอร์ไปด้วย ถ้ารู้เกณฑ์มาก่อน คนที่รับวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก จะได้ตัดสินใจรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทันที ไม่ต้องรอไฟเซอร์
นอกจากนี้ ยังมีมีบุคลากร อาสา ด่านหน้า แม่บ้าน รปภ. ที่ทำงานสัมผัสผู้ติดเชื้อ หรือเก็บกวาดขยะติดเชื้อ ที่ยังไม่ได้หรือเพิ่งได้วัคซีนไปเข็มแรกก็เยอะ ทั้งที่คนกลุ่มนี้ก็เสี่ยง บางทีก็ไม่มีชุด PPE ใส่ แล้วคนเหล่านี้ก็ต้องไปขวนขวายหาวัคซีนมาเอง แทนที่จะมีวัคซีนดี ๆ ให้เลยแต่ก็ไม่ จะให้รอหมอพร้อม ไปหรือ
"จะให้หรือไม่ให้ใคร ก็กล้า ๆ หน่อย ไม่ใช่มาทำอ้อม ๆ แอ้ม ๆ แบบนี้ บางคนเขาเสียโอกาส แล้ว 700,000 โดสนี่ กะว่าจะให้ใครเหรอ ตัดออกจนเหลือถึงแสนคนมั้ยเหอะ เหลือให้ใครต่อดี"
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่
อ่านรายละเอียดการ จองวัคซีนไฟเซอร์