สุทธิชัย เผยเบื้องหลัง หอการค้า และ 40 CEO เอกชนชั้นนำ ถูกรัฐบาลเบรกนำเข้าวัคซีนโควิด 19 เหตุหวั่นถูกวิจารณ์ทำได้ดีกว่า และกลัวที่จองไว้ 100 ล้านโดสจะเหลือ

จากกรณี วันที่ 19 เมษายน 2564 หอการค้าไทย มีการประชุมร่วมระหว่างกรรมการหอการค้าไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัทใหญ่ของไทย กว่า 40 บริษัท จากทุกภาคอุตสาหกรรม เรื่องการฉีดวัคซีน โควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าล่าช้ามากสำหรับการที่จะเปิดประเทศ จึงเสนอที่จะช่วยภาครัฐทุกช่องทาง ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้คนไทยร้อยละ 70% ทั่วประเทศสิ้นปี 2564
ต่อมา เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 กลุ่มภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงแผนงานกระจายวัคซีน COVID-19 ของภาคเอกชน โดยหนึ่งในข้อเสนอคือขอนำเข้าวัคซีนเองเพื่อความรวดเร็ว และหวังว่าจะลดผลกระทบเศรษฐกิจได้นั้น
ต่อมา เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 กลุ่มภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงแผนงานกระจายวัคซีน COVID-19 ของภาคเอกชน โดยหนึ่งในข้อเสนอคือขอนำเข้าวัคซีนเองเพื่อความรวดเร็ว และหวังว่าจะลดผลกระทบเศรษฐกิจได้นั้น
อย่างไรก็ดี วันที่ 29 เมษายน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี วันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ย้ำว่า เปิดกว้างให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนมาได้ภายใต้กฎเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตั้งแต่เกิดวิกฤติระบาดโควิด 19 โดย ส.อ.ท. ได้ทำหน้าที่ประสานกับภาคเอกชนที่จะนำเข้าวัคซีน รวมทั้งสมาคมโรงพยาบาลเอกชนและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่มีความต้องการเร่งด่วนซื้อวัคซีนฉีดให้กับพนักงานเองแจ้งความประสงค์มายัง ส.อ.ท.ได้ จากนั้นจะประสานอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนที่ต้องการฉีดให้กับพนักงานต่อไป

ภาพจาก ThaiPBS
ทั้งนี้ หลังข้อมูลดังกล่าวไปถึงหู รมว.สาธารณสุข ก็มีการไปแจ้งกับ นายกรัฐมนตรีว่า หากให้เอกชนนำเข้าวัคซีนเอง แปลว่าวัคซีนของรัฐที่จองไว้ 100 ล้านโดสก็จะเหลือ นอกจากนี้ชาวบ้านก็จะวิจารณ์ได้ว่าเอกชนมีความสามารถมากกว่ารัฐบาลในการจัดหา หากปล่อยให้เอกชนนำเข้าและเปิดให้ฉีดเอง รัฐบาลก็จะโดนด่าว่าให้คนรวยได้ฉีดก่อนคนจน ดังนั้นเอกชนอาจจะช่วยได้ในเรื่องอื่น ยกเว้นการซื้อวัคซีนเอง เพราะจะรู้ได้อย่างไรว่ามีมาตรฐาน รวมทั้งอย่างไรก็ต้องให้วัคซีนผ่านมาตรฐาน อย. อยู่ดี

จากนั้น หอการค้า จึงได้รับแจ้งจากทำเนียบในเรื่องที่รัฐบาล บอกว่าภาคเอกชนไม่จำเป็นต้องมีการจัดหามาเพิ่มเติมแล้ว จนนำมาซึ่งการออกแถลงการดังกล่าว
ขณะที่ คุณวีระ ธีรภัทร ผู้สื่อข่าวชื่อดัง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีการประมาณการว่า หากเอกชนนำเข้าวัคซีนได้จริง วัคซีนจะมาช่วงเดือนธันวาคม 2564 ส่วนเรื่องการเจรจานำเข้าตอนนี้มีการไปเจรจากับตัวแทนวัคซีนค่ายดัง ๆ แล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาติดขัดคือ การนำเข้าต้องมาขึ้นทะเบียนที่ อย. และต้องมาดำเนินการตามระบบราชการซึ่งไม่อำนวยความสะดวก
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่