หมอเผยสถิติคนไทยติดโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอน เชื้อลงหลอดลมมากกว่าปอด ชี้มีอาการน้อยจนถึงไม่มีอาการ 90 เปอร์เซ็นต์ จาก 100 คนที่ติด ฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 2 เข็ม
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมการแพทย์
วันที่ 27 ธันวาคม 2564 เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานบทสัมภาษณ์ นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการน้อยจนถึงไม่มีอาการ 90 เปอร์เซ็นต์ มีอาการเล็กน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ และมีอาการมากเพียง 3-4 เปอร์เซ็นต์ และพบที่อาการหลอดลมมากกว่าลงปอด
โดยอาการที่พบได้มากคือ ไอ แต่หากลงปอดก็จะมีความรุนแรงเช่นเดียวกับเดลตา ซึ่งผลการศึกษาจากผู้ติดเชื้อโอมิครอน จำนวน 41 ราย ที่ทำการรักษาอยู่ พบว่ามีอาการไอ 54 เปอร์เซ็นต์ เจ็บคอ 37 เปอร์เซ็นต์ มีไข้ 29 เปอร์เซ็นต์ ปวดกล้ามเนื้อ 15 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำมูก 12 เปอร์เซ็นต์ ปวดศีรษะ 10 เปอร์เซ็นต์ หายใจลำบาก 5 เปอร์เซ็นต์ และไม่ได้กลิ่น 2 เปอร์เซ็นต์ มีเพียง 1 รายเท่านั้น ทั้งหมดรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 5 วัน ตามมาตรฐาน หากให้ยาตั้งแต่ต้นอาการจะดีขึ้นภาพใน 24-72 ชั่วโมง จนเริ่มกลับมาเป็นปกติได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมการแพทย์
ขณะที่ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ข้อมูลผู้ติดเชื้อ ณ วันนี้ (27 ธันวาคม) ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากอาการโควิด 19 ซึ่งเป็นการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ไอ เจ็บคอ ไอแห้ง บางรายพบอาการปอดอักเสบแต่ไม่มาก และเกือบทุกประเทศรายงานตรงกันว่า โอมิครอนไม่รุนแรงกว่าเดลตา หรือหลายประเทศบอกว่าน้อยกว่าพอสมควร
ทั้งนี้ ในส่วนของยารักษา ในประเทศไทยยังใช้ฟาวิพิราเวียร์เป็นหลัก ภายใน 3 วัน อาการจะดีขึ้นและหายเป็นปกติ ซึ่งข้อมูลของผู้ติดเชื้อโอมิครอนเฉพาะที่พบในไทย 100 รายแรก เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ 99 ราย และติดเชื้อในประเทศ 1 ราย เป็นเพศชาย 54 ราย และหญิง 45 ราย อายุน้อยที่สุด 8 ขวบ และสูงสุด 77 ปี
ใน 100 คน มีสัดส่วนผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ 48 เปอร์เซ็นต์ มีอาการ 41 เปอร์เซ็นต์ และอีก 11 เปอร์เซ็นต์ คือคนไข้ไม่มีอาการเลยครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งมีอาการไม่มาก ซึ่งใน 100 รายแรก ไม่มีใครต้องใส่ท่อช่วยหายใจและไม่มีผู้เสียชีวิต แต่มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 7 ราย และทั้งหมดได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 2 โดส ในจำนวนนี้มี 5 รายที่ออกซิเจนไม่แย่ลง คือ ปอดอักเสบน้อย ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงอยากย้ำประชาชนที่รับวัคซีนเข็ม 2 เกิน 3 เดือนแล้ว ควรรีบไปฉีดเข็มกระตุ้นเพราะการฉีดเข็มกระตุ้นจะมีผลต่อการป้องกันอาการป่วยจากโอมิครอนได้ดีขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมการแพทย์
วันที่ 27 ธันวาคม 2564 เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานบทสัมภาษณ์ นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการน้อยจนถึงไม่มีอาการ 90 เปอร์เซ็นต์ มีอาการเล็กน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ และมีอาการมากเพียง 3-4 เปอร์เซ็นต์ และพบที่อาการหลอดลมมากกว่าลงปอด
โดยอาการที่พบได้มากคือ ไอ แต่หากลงปอดก็จะมีความรุนแรงเช่นเดียวกับเดลตา ซึ่งผลการศึกษาจากผู้ติดเชื้อโอมิครอน จำนวน 41 ราย ที่ทำการรักษาอยู่ พบว่ามีอาการไอ 54 เปอร์เซ็นต์ เจ็บคอ 37 เปอร์เซ็นต์ มีไข้ 29 เปอร์เซ็นต์ ปวดกล้ามเนื้อ 15 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำมูก 12 เปอร์เซ็นต์ ปวดศีรษะ 10 เปอร์เซ็นต์ หายใจลำบาก 5 เปอร์เซ็นต์ และไม่ได้กลิ่น 2 เปอร์เซ็นต์ มีเพียง 1 รายเท่านั้น ทั้งหมดรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 5 วัน ตามมาตรฐาน หากให้ยาตั้งแต่ต้นอาการจะดีขึ้นภาพใน 24-72 ชั่วโมง จนเริ่มกลับมาเป็นปกติได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมการแพทย์
ขณะที่ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ข้อมูลผู้ติดเชื้อ ณ วันนี้ (27 ธันวาคม) ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากอาการโควิด 19 ซึ่งเป็นการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ไอ เจ็บคอ ไอแห้ง บางรายพบอาการปอดอักเสบแต่ไม่มาก และเกือบทุกประเทศรายงานตรงกันว่า โอมิครอนไม่รุนแรงกว่าเดลตา หรือหลายประเทศบอกว่าน้อยกว่าพอสมควร
ทั้งนี้ ในส่วนของยารักษา ในประเทศไทยยังใช้ฟาวิพิราเวียร์เป็นหลัก ภายใน 3 วัน อาการจะดีขึ้นและหายเป็นปกติ ซึ่งข้อมูลของผู้ติดเชื้อโอมิครอนเฉพาะที่พบในไทย 100 รายแรก เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ 99 ราย และติดเชื้อในประเทศ 1 ราย เป็นเพศชาย 54 ราย และหญิง 45 ราย อายุน้อยที่สุด 8 ขวบ และสูงสุด 77 ปี
ใน 100 คน มีสัดส่วนผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ 48 เปอร์เซ็นต์ มีอาการ 41 เปอร์เซ็นต์ และอีก 11 เปอร์เซ็นต์ คือคนไข้ไม่มีอาการเลยครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งมีอาการไม่มาก ซึ่งใน 100 รายแรก ไม่มีใครต้องใส่ท่อช่วยหายใจและไม่มีผู้เสียชีวิต แต่มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 7 ราย และทั้งหมดได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 2 โดส ในจำนวนนี้มี 5 รายที่ออกซิเจนไม่แย่ลง คือ ปอดอักเสบน้อย ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงอยากย้ำประชาชนที่รับวัคซีนเข็ม 2 เกิน 3 เดือนแล้ว ควรรีบไปฉีดเข็มกระตุ้นเพราะการฉีดเข็มกระตุ้นจะมีผลต่อการป้องกันอาการป่วยจากโอมิครอนได้ดีขึ้น
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว