โควิด 19 พบไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ C.1.2 กับความร้ายที่น่าจับตา กลายพันธุ์เก่ง พบในแอฟริกาใต้และอีก 7 ประเทศ จับตาหลบภูมิจากวัคซีนได้ดีหรือไม่

วันที่ 30 สิงหาคม 2564 สำนักข่าวอัลจาซีรา และ บลูมเบิร์ก รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ในแอฟริกาใต้ตรวจพบไวรัสก่อโรคโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ รหัส C.1.2 ซึ่งมีการกลายพันธุ์สูงในหลายตำแหน่ง อย่างไรก็ตามทางสถาบันแห่งชาติเพื่อโรคติดต่อ (NICD) ชี้ว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่า C.1.2 มีการแพร่ระบาดมากกว่าสายพันธุ์เดิมหรือไม่ รวมถึงยังบอกไม่ได้ว่าจะสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนหรือการติดเชื้อก่อนหน้านี้หรือไม่
สำหรับไวรัสสายพันธุ์ C.1.2 พบครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในพื้นที่หลายเมืองของแอฟริกาใต้ เป็นไวรัสที่กลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ C.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักในการติดเชื้อระลอกแรกของแอฟริกาใต้เมื่อช่วงกลางปี 2563
ปัจจุบันสายพันธุ์ C.1.2 มีการแพร่ระบาดไปทุกจังหวัดของแอฟริกาใต้แล้ว รวมถึงถูกตรวจพบในประเทศอื่น ๆ รวมถึง สวิตเซอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ โปรตุเกส สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐมอริเชียส จีน และอังกฤษ
แม้ว่าขณะนี้ ไวรัสกลายพันธุ์ C.1.2 จะยังไม่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มเชื้อกลายพันธุ์ที่น่าสนใจ (VOI) ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) แต่ C.1.2 ก็ได้กลายมาเป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์เมื่อพบว่าไวรัสสายพันธุ์นี้ มีกลายพันธุ์เร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีการระบาดในโลก เกือบ 2 เท่า
โดย C.1.2 มีการกลายพันธุ์สูงมากเมื่อเทียบกับ C.1 และสูงกว่าทุกสายพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่มเชื้อกลายพันธุ์ที่น่าสนใจ และกลุ่มไวรัสสายพันธุ์ที่น่ากังวล (VOC) อย่าง เดลตา (อินเดีย) เบตา (แอฟริกาใต้) แกมมา (บราซิล) และอัลฟา (อังกฤษ)
ทั้งนี้ ในการวิจัยที่แอฟริกาใต้ นักวิทยาศาสตร์พบว่า จีโนมของสายพันธุ์ C.1.2 เพิ่มขึ้นจาก 0.2% ในเดือนพฤษภาคม มาเป็น 1.6% ในเดือนมิถุนายน และขึ้นเป็น 2% ในเดือนกรกฎาคม
ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ยังคงอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบจาก C.1.2 ที่มีผลต่อความสามารถของแอนติบอดี ทั้งในกลุ่มที่ฉีดวัคซีนและและยังไม่ได้ฉีด โดยคาดจะทราบผลใน 1 สัปดาห์ ซึ่งต้องจับตาดูว่าไวรัสกลายพันธุ์นี้จะมีความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกันมากน้อยเพียงใด
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก อัลจาซีรา, บลูมเบิร์ก, news-medical.net