ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยข่าวดีคิดค้นสูตรยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ สำหรับรักษาโควิด 19 ในเด็กและผู้ป่วยที่มีความลำบากในการกลืนยาเม็ด ตำรับแรกในประเทศไทย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda
วันที่ 3 สิงหาคม 2564 นพ.นิธิ มหานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ตำรับแรกในประเทศไทย โดยงานเภสัชกรรมฯ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท เมดิกา อินโนวา จำกัด พัฒนาและคิดค้นสูตรตำรับยาน้ำเชื่อมปราศจากน้ำตาลฟาวิพิราเวียร์สำหรับผลิตในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อนำมาใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19
โดยปกติตัวยานี้มีไว้ใช้สำหรับรักษาไข้หวัดใหญ่ แต่มีรายงานเบื้องต้นว่าสามารถช่วยลดอาการป่วยรุนแรงของผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่ได้ยาเร็วในระยะเริ่มต้นของอาการ ยาชนิดน้ำเชื่อมนี้ทำไว้สำหรับกลุ่มผู้ป่วยเด็ก ผู้ป่วยสูงอายุ รวมถึงผู้ป่วยที่มีความลำบากในการกลืนยาเม็ด โดยมุ่งหวังเพื่อช่วยเหลือประเทศไทยให้สามารถผลิตยาให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมได้และพบการติดเชื้อในเด็กเพิ่มมากขึ้น
สำหรับตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ต้านเชื้อไวรัส
โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เป็นยาน้ำเชื่อมปราศจากน้ำตาล ลักษณะเป็นยาน้ำใส สีส้ม
รสราสเบอรี่ มี 2 ขนาด คือ ขนาด 800 มิลลิกรัมใน 60 มิลลิลิตร และ ขนาด
1,800 มิลลิกรัมใน 135 มิลลิลิตร รับประทานยาขณะท้องว่าง วันละ 2 ครั้ง
ห่างกันทุก 12 ชั่วโมง
ขนาดและวิธีการใช้ยาในเด็ก
- วันแรก รับประทานขนาด 60 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งให้ วันละ 2 ครั้ง
- วันต่อมา ขนาด 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งให้ วันละ 2 ครั้ง
ขนาดและวิธีการใช้ยาในผู้ใหญ่
- วันแรกรับประทาน ขนาด 1,800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
- วันต่อมาขนาด 800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
กรณีน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม หรือ BMI มากกว่า 35 กก/ตรม.
- วันแรกรับประทาน ขนาด 2,400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
- วันต่อมา ขนาด 1,000 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
ในกรณีที่แพทย์มีความประสงค์จะใช้ยานี้ในผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด19 กลุ่มผู้ป่วยเด็กและผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่มีผลตรวจ RT- PCR ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 หรือตามแพทย์เห็นสมควรจากประวัติสัมผัสและผลตรวจ Antigen rapid test เป็นบวก สามารถติดต่อเพื่อขอรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยนำผลยืนยันการติดเชื้อโควิด 19 เข้ามาพบแพทย์และรับยาได้ที่ favipiravir.cra.ac.th หรือโทร 0645862570 ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม เป็นต้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างเดือนสิงหาคมและกันยายน
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda
วันที่ 3 สิงหาคม 2564 นพ.นิธิ มหานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ตำรับแรกในประเทศไทย โดยงานเภสัชกรรมฯ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท เมดิกา อินโนวา จำกัด พัฒนาและคิดค้นสูตรตำรับยาน้ำเชื่อมปราศจากน้ำตาลฟาวิพิราเวียร์สำหรับผลิตในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อนำมาใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19
โดยปกติตัวยานี้มีไว้ใช้สำหรับรักษาไข้หวัดใหญ่ แต่มีรายงานเบื้องต้นว่าสามารถช่วยลดอาการป่วยรุนแรงของผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่ได้ยาเร็วในระยะเริ่มต้นของอาการ ยาชนิดน้ำเชื่อมนี้ทำไว้สำหรับกลุ่มผู้ป่วยเด็ก ผู้ป่วยสูงอายุ รวมถึงผู้ป่วยที่มีความลำบากในการกลืนยาเม็ด โดยมุ่งหวังเพื่อช่วยเหลือประเทศไทยให้สามารถผลิตยาให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมได้และพบการติดเชื้อในเด็กเพิ่มมากขึ้น
ขนาดและวิธีการใช้ยาในเด็ก
- วันแรก รับประทานขนาด 60 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งให้ วันละ 2 ครั้ง
- วันต่อมา ขนาด 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งให้ วันละ 2 ครั้ง
ขนาดและวิธีการใช้ยาในผู้ใหญ่
- วันแรกรับประทาน ขนาด 1,800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
- วันต่อมาขนาด 800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
กรณีน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม หรือ BMI มากกว่า 35 กก/ตรม.
- วันแรกรับประทาน ขนาด 2,400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
- วันต่อมา ขนาด 1,000 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
ในกรณีที่แพทย์มีความประสงค์จะใช้ยานี้ในผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด19 กลุ่มผู้ป่วยเด็กและผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่มีผลตรวจ RT- PCR ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 หรือตามแพทย์เห็นสมควรจากประวัติสัมผัสและผลตรวจ Antigen rapid test เป็นบวก สามารถติดต่อเพื่อขอรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยนำผลยืนยันการติดเชื้อโควิด 19 เข้ามาพบแพทย์และรับยาได้ที่ favipiravir.cra.ac.th หรือโทร 0645862570 ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม เป็นต้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างเดือนสิงหาคมและกันยายน
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda