แรงงานต่างด้าวติดโควิด 19 ไปคลอดลูก โรงพยาบาลรัฐคิดค่าดูแลเด็ก 5 วัน ไม่รวมค่าคลอด 83,261 บาท พบเกือบครึ่งแสนเป็นค่าชุด PPE พ้อ ไม่มีเงินจ่าย เอาตัวเด็กออกมาไม่ได้
วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า มีนายจ้างของนางเอ (นามสมมติ) แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องของการจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรณีนางเอได้ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลของรัฐ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยเรื่องเริ่มมาจากว่า สามีของนางเอตรวจพบเชื้อโควิด 19 จึงได้มีการแยกรักษาตัวไปอยู่ที่ศูนย์พักคอยวัดสะพาน แต่นางเอตรวจแล้วไม่พบเชื้อโควิด-19 ประกอบกับระหว่างนั้นเจ็บท้องจะคลอด จึงได้โทร. เข้าสายด่วน 191 เพื่อให้ตำรวจช่วยประสานหารถพยาบาลมารับตัวไป
หลังจากนั้นก็มีรถกู้ชีพของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมารับตัว แต่เนื่องจากที่โรงพยาบาลดังกล่าวเตียงเต็มไม่สามารถทำคลอดได้ จึงได้มีการประสานไปในหลายโรงพยาบาล จนสุดท้ายมีโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งรับทำคลอดให้ เมื่อคลอดแล้ว แพทย์แจ้งว่า นางเอยังมีความเสี่ยงจึงดำเนินการตรวจโควิดซ้ำและพบว่าติดเชื้อแต่ไม่รุนแรง จึงได้ทำการนำตัวนางเอที่เพิ่งคลอดลูกออกไปรักษาตัวที่ Hospitel
ซึ่งก่อนจะออกไปรักษาโควิดนั้น นางเอได้จ่ายเงินค่าคลอดลูกเป็นเงิน 14,555 บาท เรียบร้อยแล้ว แต่ลูกที่คลอดยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาล เนื่องจากต้องรอดูอาการว่าเด็กติดเชื้อด้วยหรือไม่ ต่อมาวันที่ 20 กรกฎาคม ตนได้รับโทรศัพท์จากสามีของนางเอ บอกว่า โรงพยาบาลแจ้งว่าถ้าจะมาเอาตัวเด็ก ต้องชำระค่ารักษาพยาบาลในการดูแลเด็กตั้งแต่วันที่ 16-20 กรกฎาคม 2564 เป็นเงิน 83,261 บาท ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถนำเด็กออกจากโรงพยาบาลได้
นายจ้างเล่าต่อว่า เมื่อตนทราบเรื่องก็ได้รีบติดต่อไปยังโรงพยาบาลทันที เพื่อสอบถามว่าค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นมาจากส่วนไหน ได้รับแจ้งว่า เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าดูแลเด็กตามปกติทั่วไป แต่ค่าบริการอื่น ๆ ที่สูงถึง 45,140 บาท ระบุว่าเป็นค่าชุด PPE ที่เจ้าหน้าที่ต้องใส่เข้าไปดูแลทารก เมื่อสอบถามกลับไปยังนางเอ ก็บอกว่า ทางโรงพยาบาลไม่ได้มีการแจ้งว่า จะมีค่าใช้เพิ่มเติมในการดูแลทารกระหว่างที่มารดารักษาโควิด
ทั้งนี้ตนจึงอยากขอความเป็นธรรมกับทางโรงพยาบาลว่าเหตุใดจึงมีค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กที่ลงในรายการว่า ค่าบริการอื่น ๆ สูงมาก ทั้งที่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ อีกทั้งตนที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างต่างด้าวทั้ง 2 คน ก็ไม่มีเงินมากเพียงพอที่จะนำไปชำระเพื่อนำตัวเด็กออกมาดูแลได้ ระหว่างที่ลูกจ้างทั้ง 2 รายของตนยังรักษาอาการป่วยจากโควิดอยู่ จึงอยากให้โรงพยาบาลเห็นใจและให้ความเป็นธรรมด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์
วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า มีนายจ้างของนางเอ (นามสมมติ) แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องของการจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรณีนางเอได้ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลของรัฐ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยเรื่องเริ่มมาจากว่า สามีของนางเอตรวจพบเชื้อโควิด 19 จึงได้มีการแยกรักษาตัวไปอยู่ที่ศูนย์พักคอยวัดสะพาน แต่นางเอตรวจแล้วไม่พบเชื้อโควิด-19 ประกอบกับระหว่างนั้นเจ็บท้องจะคลอด จึงได้โทร. เข้าสายด่วน 191 เพื่อให้ตำรวจช่วยประสานหารถพยาบาลมารับตัวไป
หลังจากนั้นก็มีรถกู้ชีพของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมารับตัว แต่เนื่องจากที่โรงพยาบาลดังกล่าวเตียงเต็มไม่สามารถทำคลอดได้ จึงได้มีการประสานไปในหลายโรงพยาบาล จนสุดท้ายมีโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งรับทำคลอดให้ เมื่อคลอดแล้ว แพทย์แจ้งว่า นางเอยังมีความเสี่ยงจึงดำเนินการตรวจโควิดซ้ำและพบว่าติดเชื้อแต่ไม่รุนแรง จึงได้ทำการนำตัวนางเอที่เพิ่งคลอดลูกออกไปรักษาตัวที่ Hospitel
ซึ่งก่อนจะออกไปรักษาโควิดนั้น นางเอได้จ่ายเงินค่าคลอดลูกเป็นเงิน 14,555 บาท เรียบร้อยแล้ว แต่ลูกที่คลอดยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาล เนื่องจากต้องรอดูอาการว่าเด็กติดเชื้อด้วยหรือไม่ ต่อมาวันที่ 20 กรกฎาคม ตนได้รับโทรศัพท์จากสามีของนางเอ บอกว่า โรงพยาบาลแจ้งว่าถ้าจะมาเอาตัวเด็ก ต้องชำระค่ารักษาพยาบาลในการดูแลเด็กตั้งแต่วันที่ 16-20 กรกฎาคม 2564 เป็นเงิน 83,261 บาท ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถนำเด็กออกจากโรงพยาบาลได้
นายจ้างเล่าต่อว่า เมื่อตนทราบเรื่องก็ได้รีบติดต่อไปยังโรงพยาบาลทันที เพื่อสอบถามว่าค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นมาจากส่วนไหน ได้รับแจ้งว่า เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าดูแลเด็กตามปกติทั่วไป แต่ค่าบริการอื่น ๆ ที่สูงถึง 45,140 บาท ระบุว่าเป็นค่าชุด PPE ที่เจ้าหน้าที่ต้องใส่เข้าไปดูแลทารก เมื่อสอบถามกลับไปยังนางเอ ก็บอกว่า ทางโรงพยาบาลไม่ได้มีการแจ้งว่า จะมีค่าใช้เพิ่มเติมในการดูแลทารกระหว่างที่มารดารักษาโควิด
ทั้งนี้ตนจึงอยากขอความเป็นธรรมกับทางโรงพยาบาลว่าเหตุใดจึงมีค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กที่ลงในรายการว่า ค่าบริการอื่น ๆ สูงมาก ทั้งที่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ อีกทั้งตนที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างต่างด้าวทั้ง 2 คน ก็ไม่มีเงินมากเพียงพอที่จะนำไปชำระเพื่อนำตัวเด็กออกมาดูแลได้ ระหว่างที่ลูกจ้างทั้ง 2 รายของตนยังรักษาอาการป่วยจากโควิดอยู่ จึงอยากให้โรงพยาบาลเห็นใจและให้ความเป็นธรรมด้วย
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์