รมช.สาธารณสุข รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ปรับจำนวนส่งให้ไทยแค่ 40% จากกำลังการผลิต คาดไทยได้วัคซีนครบ 61 ล้านโดส พ.ค. ปีหน้า จากแผนเดินทางวางไว้ก่อนสิ้นปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกสภา อย่างไรเสียปีนี้ได้แน่นอน
วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เกี่ยวกับแผนการจัดหาวัคซีนโควิด ของไทยว่า แผนการจัดหาวัคซีนในปี 2564 จะต้องได้วัคซีน 100 ล้านโดส ส่วนปี 2565 แต่เดิมจะมีการจัดซื้อวัคซีนเข้ามาเพิ่ม 50 ล้านโดส แต่หลังจากนั้นมีการพิจารณาให้จัดหาเพิ่มเติมอีก 120 ล้านโดสในปี 2565 เพื่อรองรับการนำเข้าวัคซีนให้ครบกับทุกเทคโนโลยี และให้มีวัคซีนครอบคลุมกลุ่มเด็กหรือนักเรียนนักศึกษาได้
ทั้งนี้ มีตัวเลขเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนที่คลาดเคลื่อนคือ ตัวเลขการจัดหาวัคซีนในปี 64 แต่เดิมวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จะกำหนดส่งให้เราในเดือนธันวาคม แต่ได้มีการขยายเวลาจัดส่งมา น่าจะเป็นเดือนพฤษภาคมจึงจะได้ครบ 61 ล้านโดส ซึ่งในสัญญา อาจจะไม่มีเงื่อนเวลามีการกำหนดเพียงตัวเลขยอดรวมวัคซีนเท่านั้น ส่วนระยะเวลานั้นจะเน้นไปที่การเจรจาและพูดคุยกันว่าจะจัดส่งให้ได้เท่าไร
![วัคซีน]( "วัคซีน")
ภาพจาก Wolfilser / Shutterstock.com
ต้องยอมรับว่าสงครามวัคซีนในตอนนี้อำนาจจะอยู่ที่ผู้ขาย ด้วยเหตุนี้สัญญาในการจัดส่งวัคซีนจึงไม่ได้มีการกำหนดห้วงระยะเวลา ซึ่งขณะนี้ทางผู้ผลิตคาดว่าน่าจะส่งมอบวัคซีนได้ครบภายในเดือนพฤษภาคม 2556
ทั้งนี้จะต้องเข้าใจร่วมกันก่อนว่าในสถานการณ์ทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งเรื่องของการกลายพันธุ์ และเรื่องวัคซีนโควิด เพราะฉะนั้นการกำหนดกรอบระยะเวลาขึ้นมา ก็เพื่อจะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีกรอบระยะเวลาในการทำงาน ภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลาซึ่งในปัจจุบันไวรัสก็มีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง จนถึงสายพันธุ์เดลตา เบตา และตอนนี้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีสายพันธุ์เอปซีลอน ที่สามารถหลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนชนิด mRNA ได้ดีขึ้น ซึ่งในอนาคตก็อาจจะต้องมีการจัดหาวัคซีนชนิดที่เหมาะสมตามสถานการณ์ใหม่ๆได้อย่างทันท่วงที
กรณีของ วัคซีนแอสตราเซนเนก้า นั้นทางบริษัทยืนยันว่าจะส่งมอบให้ไทยได้ราว 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 15 ล้านโดสต่อเดือน จึงคาดว่า ไทยน่าจะได้วัคซีนมาอย่างน้อง 5 ล้านโดสต่อเดือน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องจำเป็นที่จะต้องใช้วัคซีนอื่นเช่น ซิโนแวค เข้ามาฉีดวัคซีนสลับชนิด และจะมีการปรับแผนในการเจรจากับแอสตราเซเนกา ให้เข้าในสถานการณ์ของไทย เพื่อให้เพิ่มจำนวนการส่งมองให้มากขึ้น
ส่วนที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ มีมติว่าจะใช้อำนาจตาม มาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ 2561 เพื่อจำกัดการส่งออกวัคซีนเพื่อให้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับการใช้ในประเทศไทยนั้น ขณะนี้เราจะเน้นไปที่การเจรจากับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าอย่างถึงที่สุดก่อน เพื่อให้ได้วัคซีนตามที่ไทยต้องการคือ 10 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งหากจำเป็นจริง ๆ ก็อาจจะต้องพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 นายสาธิต เคยตอบกระทู้ถามสดของนายแพทย์ เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย ในสภาผู้แทนราษฎรว่า เรื่องสัญญาระหว่างแอสตร้าเซนเนก้ากับไทยว่า ในขณะนี้มีความต้องการวัคซีนพร้อมกันอย่างมากทั่วโลก และอำนาจในการจัดมอบจะอยู่ที่บริษัทผู้จัดส่ง ซึ่งสัญญาระหว่างแอสตร้าเซนเนก้า กับประเทศไทยนั้นค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก ทั้งเรื่องจำนวน และวันเวลาที่ชัดเจน จึงไม่สามารถที่จะนำมาเปิดเผยได้
แต่ในเบื้องต้นแอสตราเซเนกาจะต้องจัดส่งวัคซีนให้ไทยในฐานะต้นทุนหลัก 61 ล้านโดส ตามแผนที่ไทยยื่นให้กับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งทางบริษัทเองก็ไม่ได้มีการปฏิเสธแผนการจัดส่งวัคซีนของไทย เท่ากับว่าในเดือนมิถุนายน บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าจะจัดส่งวัคซีนให้ไทย 6 ล้านโดส จากนั้นเดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายน จะได้รับอีกเดือนละอีก 10 ล้านโดส และเดือนธันวาคม 5 ล้านโดส จนครบ 61 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 ซึ่งทางเราเชื่อมั่นว่าแอสตร้าเซนเนก้า จะจัดส่งวัคซีนให้ตามกำหนดไว้
ข้อมูลจาก เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand, TPchannel
วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เกี่ยวกับแผนการจัดหาวัคซีนโควิด ของไทยว่า แผนการจัดหาวัคซีนในปี 2564 จะต้องได้วัคซีน 100 ล้านโดส ส่วนปี 2565 แต่เดิมจะมีการจัดซื้อวัคซีนเข้ามาเพิ่ม 50 ล้านโดส แต่หลังจากนั้นมีการพิจารณาให้จัดหาเพิ่มเติมอีก 120 ล้านโดสในปี 2565 เพื่อรองรับการนำเข้าวัคซีนให้ครบกับทุกเทคโนโลยี และให้มีวัคซีนครอบคลุมกลุ่มเด็กหรือนักเรียนนักศึกษาได้
ทั้งนี้ มีตัวเลขเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนที่คลาดเคลื่อนคือ ตัวเลขการจัดหาวัคซีนในปี 64 แต่เดิมวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จะกำหนดส่งให้เราในเดือนธันวาคม แต่ได้มีการขยายเวลาจัดส่งมา น่าจะเป็นเดือนพฤษภาคมจึงจะได้ครบ 61 ล้านโดส ซึ่งในสัญญา อาจจะไม่มีเงื่อนเวลามีการกำหนดเพียงตัวเลขยอดรวมวัคซีนเท่านั้น ส่วนระยะเวลานั้นจะเน้นไปที่การเจรจาและพูดคุยกันว่าจะจัดส่งให้ได้เท่าไร
ภาพจาก Wolfilser / Shutterstock.com
ต้องยอมรับว่าสงครามวัคซีนในตอนนี้อำนาจจะอยู่ที่ผู้ขาย ด้วยเหตุนี้สัญญาในการจัดส่งวัคซีนจึงไม่ได้มีการกำหนดห้วงระยะเวลา ซึ่งขณะนี้ทางผู้ผลิตคาดว่าน่าจะส่งมอบวัคซีนได้ครบภายในเดือนพฤษภาคม 2556
ทั้งนี้จะต้องเข้าใจร่วมกันก่อนว่าในสถานการณ์ทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งเรื่องของการกลายพันธุ์ และเรื่องวัคซีนโควิด เพราะฉะนั้นการกำหนดกรอบระยะเวลาขึ้นมา ก็เพื่อจะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีกรอบระยะเวลาในการทำงาน ภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลาซึ่งในปัจจุบันไวรัสก็มีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง จนถึงสายพันธุ์เดลตา เบตา และตอนนี้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีสายพันธุ์เอปซีลอน ที่สามารถหลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนชนิด mRNA ได้ดีขึ้น ซึ่งในอนาคตก็อาจจะต้องมีการจัดหาวัคซีนชนิดที่เหมาะสมตามสถานการณ์ใหม่ๆได้อย่างทันท่วงที
กรณีของ วัคซีนแอสตราเซนเนก้า นั้นทางบริษัทยืนยันว่าจะส่งมอบให้ไทยได้ราว 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 15 ล้านโดสต่อเดือน จึงคาดว่า ไทยน่าจะได้วัคซีนมาอย่างน้อง 5 ล้านโดสต่อเดือน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องจำเป็นที่จะต้องใช้วัคซีนอื่นเช่น ซิโนแวค เข้ามาฉีดวัคซีนสลับชนิด และจะมีการปรับแผนในการเจรจากับแอสตราเซเนกา ให้เข้าในสถานการณ์ของไทย เพื่อให้เพิ่มจำนวนการส่งมองให้มากขึ้น
ส่วนที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ มีมติว่าจะใช้อำนาจตาม มาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ 2561 เพื่อจำกัดการส่งออกวัคซีนเพื่อให้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับการใช้ในประเทศไทยนั้น ขณะนี้เราจะเน้นไปที่การเจรจากับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าอย่างถึงที่สุดก่อน เพื่อให้ได้วัคซีนตามที่ไทยต้องการคือ 10 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งหากจำเป็นจริง ๆ ก็อาจจะต้องพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 นายสาธิต เคยตอบกระทู้ถามสดของนายแพทย์ เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย ในสภาผู้แทนราษฎรว่า เรื่องสัญญาระหว่างแอสตร้าเซนเนก้ากับไทยว่า ในขณะนี้มีความต้องการวัคซีนพร้อมกันอย่างมากทั่วโลก และอำนาจในการจัดมอบจะอยู่ที่บริษัทผู้จัดส่ง ซึ่งสัญญาระหว่างแอสตร้าเซนเนก้า กับประเทศไทยนั้นค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก ทั้งเรื่องจำนวน และวันเวลาที่ชัดเจน จึงไม่สามารถที่จะนำมาเปิดเผยได้
แต่ในเบื้องต้นแอสตราเซเนกาจะต้องจัดส่งวัคซีนให้ไทยในฐานะต้นทุนหลัก 61 ล้านโดส ตามแผนที่ไทยยื่นให้กับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งทางบริษัทเองก็ไม่ได้มีการปฏิเสธแผนการจัดส่งวัคซีนของไทย เท่ากับว่าในเดือนมิถุนายน บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าจะจัดส่งวัคซีนให้ไทย 6 ล้านโดส จากนั้นเดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายน จะได้รับอีกเดือนละอีก 10 ล้านโดส และเดือนธันวาคม 5 ล้านโดส จนครบ 61 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 ซึ่งทางเราเชื่อมั่นว่าแอสตร้าเซนเนก้า จะจัดส่งวัคซีนให้ตามกำหนดไว้
ข้อมูลจาก เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand, TPchannel
