สรุป สรยุทธคุยเลขา สปสช. ติดโควิดให้อยู่บ้าน ทำอย่างไร-อาการหนักถึงมา รพ.

         สรุปประเด็น สรยุทธ สัมภาษณ์เลขาฯ สปสช. จากนี้ใครติดโควิดอาการไม่มาก ต้องทำ Home isolation ไม่ต้องมาออกันที่โรงพยาบาล แต่จะมีหมอวิดีโอคอลไปคุย ส่งยาและอุปกรณ์ให้ ส่วนเตียงขอให้เก็บไว้สำหรับผู้ป่วยหนัก


         คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สถานการณ์โควิด 19 ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถือว่ามีความหนักหนาอยู่พอสมควร และเรามักจะได้ยินข่าวที่ผู้ป่วยโควิด 19 เสียชีวิตที่บ้านบ่อยครั้ง โดยที่ยังไม่ถึงมือหมอ ซึ่งล่าสุด สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้สัมภาษณ์ นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาฯ สปสช. ถึงแนวทางการทำ Home isolation จากนี้ใครที่ติดโควิด ไม่ต้องมารักษาที่โรงพยาบาล ให้อยู่บ้านรักษาตัวเอง แต่จะมีหมอเข้าไปช่วยดู

หมอยอมรับ คนไข้ส่วนใหญ่ที่ติดโควิด อาการไม่มาก มา รพ. ก็นั่ง ๆ นอน ๆ ส่วนคนที่อาการหนักก็ตายในบ้าน

         นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี ยอมรับว่า ตอนนี้คนไข้มากกว่าจำนวนเตียง ถ้าใช้ระบบเดิม ๆ มันก็จะรับไม่ไหว และไวรัสโควิดนี้ ส่วนใหญ่คนที่ติด 80% ไม่มีอาการ มีประมาณ 15% ที่เชื้อลงปอด อีก 5% ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งตอนนี้ต้องช่วยชีวิตของคนที่อยู่ในกลุ่มสีแดง ที่ส่วนใหญ่อายุกว่า 60 ปี มีโรคอ้วน โรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน ซึ่งหากอยู่ในกลุ่มนี้แล้วติดเชื้อ ต้องมีคนมาดูแลใกล้ชิด แต่หากคุณอยู่ในกลุ่มสีเขียว คุณก็ไปนั่ง ๆ นอน ๆ ในโรงพยาบาล มีหมอมาตรวจวันละ 2 ครั้ง พยาบาลเอาอาหารมาให้วันละ 3 มื้อ ทำอย่างนี้ 14 วัน ทั้งในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม ซึ่งการทำแบบนี้ ทำให้คนที่ป่วยสีเหลืองสีแดงหาเตียงไม่ได้ เพราะสีเขียวไปค้ำในระบบ

         เราต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสีเขียว และยิ่งฉีดวัคซีนแล้ว โอกาสจะเป็นกลุ่มสีเหลือง สีแดง ก็น้อยอีก และถ้าอยู่ในกลุ่มนี้ อาจจะใช้บ้านของท่านเป็นที่รักษา แต่จะจับคู่กับหมอที่รักษาท่าน โดยให้หมอปฐมภูมิ หรือหมอประจำครอบครัวมาช่วยดู

หมอยอมรับ โควิดสายพันธุ์เดลตา ติดเร็วกว่าเดิม-จากนี้ใช้ Rapid Test ตั้งเป้าตรวจวันละเป็นแสน

         นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี ยังกล่าวอีกว่า โควิดสายพันธุ์เดลตาติดเร็ว ทำให้ภาวะที่ผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมากขึ้น และเกิดปัญหาหลาย ๆ อย่างตามมา เช่น หาที่ตรวจยาก จึงต้องหันมาใช้ rapid test หากไม่ใช้ ก็เกิดปรากฏการณ์คนไปตรวจนั่งรอกันตั้งแต่ตี 3 ตี 4 บางทีตรวจแล้วไม่มีอะไรหรอก แต่ไปรอกันตรงนั้นก็เสี่ยงติดเชื้ออีก ซึ่งหากใช้  rapid test จะทำให้ตรวจได้เยอะขึ้น ตั้งเป้าไว้วันละเป็นแสน และหากป่วยก็อยู่กับบ้านได้ มีอะไรก็โทร. มาได้เลย มีเครื่องวัดออกซิเจนให้ มีอาหารให้ เพราะเป็นปัจจัยที่ทำให้ไม่ต้องออกจากบ้าน ทุกวันหมอจะวิดีโอคอลเพื่อเช็กว่า คนไข้เป็นอย่างไร ซึ่งระบบนี้ไม่ใหม่แต่ได้ผล เราเชื่อว่ากลุ่มคน 80% ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล

         หากเป็นระบบนี้ หมอ 1 คนอาจจะดูแลได้ 20 คน เรามั่นใจว่าเราทำได้ และถ้าทำแบบนี้คนส่วนใหญ่จะอยู่บ้านได้ และเก็บเตียงเอาไว้ให้คนที่รุนแรง หากเป็นคนสูงอายุหรือมีโรคประจำตัว จะเอาคนกลุ่มนี้เข้าโรงพยาบาล ดีกว่าให้คนเข้ามารวมกันที่โรงพยาบาล

หมอยอมรับ เครื่องวัดออกซิเจนเริ่มขาดตลาด - มั่นใจระบบ เริ่มป่วยปุ๊บให้ยาทันที อยู่บ้านก็รักษาหายได้

         นอกจากนี้ เรื่องเครื่องวัดออกซิเจนนั้น เริ่มขาดตลาด ตอนแรกว่าจะแจกแต่ตอนนี้ใครหายป่วยก็ต้องเอามาคืน ถ้าค่าออกซิเจนไม่ต่ำกว่า 95 เพื่อบอกว่าเชื้อยังไม่ลงปอด และยิ่งออกกำลังกายแล้วมาวัดค่าจะยิ่งต่ำลงไปอีก การติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา จะทำให้ท่านติดเชื้อเร็ว แต่ความรุนแรงไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น ตอนนี้ยอมรับว่ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล หมอไม่พอแล้ว

         และไม่เหมือนเมื่อปีที่แล้วที่เราไม่รู้ว่าจะรักษาอย่างไร หากเริ่มป่วยปุ๊บหมอ อาจจะเอายาฟ้าทะลายโจรไปให้ หรือป่วยหนักขึ้นไปอีกก็จะให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งมั่นใจว่าพอ หมอไทยก็เชื่อตัวนี้ แต่บางประเทศอาจจะให้ยาตัวอื่น โดยให้ผ่านหมอคลินิก ซึ่งจะมีการจัดระบบ การกระจายยา การให้อาหาร การให้เครื่องวัดออกซิเจน จะคล้ายกับคนที่อยู่ฮอสพิเทล หรือในอนาคตอาจจะส่งเครื่องไม้เครื่องมือไปอีก เช่น ถังออกซิเจน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นหนักแล้วค่อยให้

จากนี้จะเน้นตรวจให้เยอะ ตรวจให้ไว ตั้งเป้าเราจะไม่ให้คนตายที่บ้าน ถ้าได้ผล 7 วันเตียงจะว่าง

         หากวันนี้สามารถตรวจได้เยอะ ตรวจได้เร็ว ก็จะดีกับทุกคน คนที่มาตรวจส่วนใหญ่ก็เดินมาทั้งนั้น ไม่มีใครต้องหามมา แสดงว่าท่านไม่มีอาการอะไรเลย ซึ่งแสดงว่าคนเป็นผลบวกประมาณ 10% ซึ่งต้องกดให้คนมีผลบวก 1% ถึงจะมั่นใจว่าคุมได้ แต่ถ้าใช้ระบบ Home isolation ไม่ต้องกลัวเรื่องผลบวก ถ้าผลบวกก็รักษา ทำให้คนมั่นใจว่าบ้านคือโรงพยาบาล

         วันนี้เราจัดระบบว่าหมอได้มีการวิดีโอคอลจริงไหม ได้รับคนไข้ไปต้องซื่อสัตย์ เราตั้งเป้าว่าไม่อยากเสียใครที่บ้าน ถ้าดูแลดีก็ปากต่อปากว่า ทุกคนอยู่บ้านก็ได้ไม่ต้องมาโรงพยาบาล

         การกักตัวนั้น ดีที่สุดคืออยู่คนเดียว แต่หากอยู่กับคนในครอบครัวก็ต้องทำ เหมือนมีญาติเป็นโควิดแล้วต้องดูแลเขา เราก็ไม่รังเกียจ ซึ่งหากอยู่ด้วยกันก็ต้องระมัดระวังขั้นสูงสุด 14 วันเท่านั้น หากเป็นไปได้ก็ให้เขาใช้ห้องน้ำคนเดียว แต่ถ้าไม่มีก็ให้เขาใช้คนสุดท้ายแล้วใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เหมือนที่ราชวิถีที่ทำแบบนี้ เด็กป่วยพ่อแม่ไม่ป่วย และพ่อแม่ก็ใจไม่ดี ที่ต้องส่งลูกไปอยู่โรงพยาบาลคนเดียว

         คนตรวจโควิดไม่น่ารังเกียจขนาดนั้น 14 วันก็ผ่านไป เหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่เหมือนที่อัตราการเสียชีวิตสูงอยู่ ในต่างประเทศบางทีไม่มีหมอมาดูด้วยซ้ำ และได้ยาแย่กว่าเราอีก และหากศึกษาดี ๆ บางท่านก็อยู่ได้ และหากทำระบบนี้ ไม่เกิน 7 วันเตียงก็เริ่มว่างแล้ว

ยืนยัน ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ยิ่งไวยิ่งดี ไม่ต้องกลัวเชื้อดื้อยา

         เรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ อีกไม่นานจะให้ยานี้ได้เร็ว ไม่ต้องกลัวเรื่องดื้อยา ยิ่งให้ได้ไวยิ่งดี เพราะไวรัสกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ ถ้ามียาอะไรก็ต้องรีบเอามาใช้ ดังนั้นหลักเกณฑ์ตอนนี้ ใครเริ่มมีอาการไม่ดี เป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียว สามารถถามหมอได้เลยว่า สภาพแบบนี้ควรได้รับยาอะไรหรือยัง ถ้าออกซิเจนยังสูงอยู่ และหมดทางให้ยาไม่ทัน อีกทั้งไปอยู่ในชุมชน กำลังศึกษาว่าให้ออกซิเจนได้เลย ซึ่งถ้าให้ก็เพื่อให้สบายขึ้น ไม่จำเป็นต้องโคม่าแล้วค่อยให้

เตรียมพัฒนาระบบ จัดทีมตรวจผู้ป่วยติดเตียงตามบ้าน คนตายน้อยลง-ติดเชื้อไม่ต้องกลัวตาย

         นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังมีทีมที่ไปตรวจตามบ้าน เพื่อช่วยผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งกำลังพัฒนาระบบนี้อยู่ ส่วนใหญ่คนที่ติดเตียงจะรับบริการกับกลุ่ม อสม. อยู่แล้ว ให้กลุ่มนี้ลงไปสำรวจว่ามีกี่คน ซึ่งหากกลุ่มนี้ป่วยให้เอาเข้าโรงพยาบาล หากไม่ป่วยจะฉีดวัคซีนโควิด ให้เลย ตั้งใจจะมีสัก 200 ทีม แต่กำลังพัฒนากันอยู่ หากทำอย่างนี้ได้ อย่างน้อยเสียชีวิตลดลง และจะทำให้คนไม่กลัว

         เราต้องจัดการกลุ่มสีเขียวก่อน จากนั้นถึงจะจัดการกลุ่มสีเขียวสีแดงได้ เขตเมืองอาจจะลำบากเพราะต่างคนต่างอยู่ แต่ถ้าอยู่ชุมชนทั่วไป เช่น คลองเตย จะจัดการแบบนี้ได้ง่ายหน่อย แต่คนที่อยู่หมู่บ้านจัดสรรก็มีศักยภาพของตัวเองที่จะดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว

         นอกจากนี้ คนที่ฉีดวัคซีนเยอะ ๆ ต่อให้ติดเชื้อก็ไม่ตาย เช่นอังกฤษเป็นต้น หากจัดการความสงบไม่ได้ หากไปวุ่นวายกับคนไม่เสี่ยงสูง ก็จะทำให้คนเสี่ยงสูงตาย อันไหนแดง-เหลือง ต้องเอาเข้าโรงพยาบาลให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็โทร. บอกตนเลย ตนจะใช้เส้นทุกเส้นที่มีเพื่อช่วย ปล่อยไม่ได้เดี๋ยวจะเสียชีวิตที่บ้าน แต่หากใครสีเขียวก็อยู่บ้าน

สรุปเป็นข้อ ๆ ตรวจให้ไว-กลับไปอยู่บ้าน-เจอหมอผ่านวิดีโอคอล-รับรองหาย !

         - ถ้ามีอาการ ขอให้เข้ารับการคัดกรอง ทั้งจุดคัดกรองหลาย ๆ ที่ของ สปสช, กทม., รวมถึงการอนุมัติชุดตรวจเร่งด่วนแบบ Rapid Test

         - ถ้าท่านเป็นผู้ป่วยสีเขียว อาการเล็กน้อย ไอ เจ็บคอ ซึ่งมีมากกว่า 80% ให้ทำการกักตัวที่บ้าน โทร. 1330 ต่อ 14 จะเชื่อมผู้ป่วยกับหมอให้ทันที ไม่ต้องคาดหวังว่าจะไปโรงพยาบาล

         - ระบบจะส่งเครื่องไปให้เป็นเซต ทั้ง เครื่องวัดไข้, เครื่องวัดออกซิเจน, ยาฟาวิพิราเวียร์, ยาฟ้าทะลายโจร, มีการไลน์ วิดีโอคอล พูดคุยกับหมอ

         - ให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้อยู่ที่บ้าน 14 วัน ถ้าไม่ไหวให้แจ้ง 1330 จะช่วยหาโรงพยาบาลสนามหรือ community isolation

         - ครบ 14 วัน ถ้าไม่มีอะไรก็ถือว่าหาย