สรุปดราม่าหลุดเอกสาร ค้านฉีดไฟเซอร์หมอด่านหน้า หวั่นทำอีกยี่ห้อดูแย่ - อนุทินตอบแล้ว

            ทั้งนี้ มติที่ประชุมคณะดังกล่าว สรุปแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป หรือหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป โดยเน้นในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล

เสียงสะท้อนจากสังคม

            หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกตีแผ่ออกไป สร้างความไม่พอใจให้กับสังคมอย่างมากโดยในทวิตเตอร์มีการติด #ฉีดPfizerให้บุคลากรการแพทย์ เพื่อวิจารณ์ถึงการไม่ฉีดไฟเซอร์ให้กับแพทย์ด่านหน้า จนแฮชแท็กติดเทรนด์อันดับที่ 2 ของทวิตเตอร์ประเทศไทยวันนี้ (5 กรกฎาคม)

            โดยความคิดเห็นบางส่วน เรียกร้องให้มีการใส่ใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ถือว่าเป็นกลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุด หากไม่ได้รับภูมิคุ้มกันที่ดีก็จะทำให้ติดโควิดและนำไปสู่ระบบสาธารณสุขล่มได้ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าหากนำวัคซีนชุดนี้ให้แพทย์กลุ่มเสี่ยงก่อนก็คงไม่มีประชาชนคัดค้านแน่นอน แต่ความเป็นจริงกลับมีการนำเรื่องการเมืองเข้ามามีอำนาจเหนือชีวิตคน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก

ความคิดเห็นบางส่วนจากบุคคลในวงการแพทย์

            ศ. ดร. นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ทวีตข้อความว่า เห็นรายงานการประชุมกรรมการวิชาการวัคซีนแล้วโกรธมาก คัดค้านการฉีดไฟเซอร์เข็ม 3 ให้บุคลากรทางแพทย์ด้วยเหตุผลคือเป็นการยอมรับว่าซิโนแวคไม่มีผลป้องกันแล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้น คนพูดเป็นหมอหรือเปล่า คุณทำงานด่านหน้าไหม จิตใจคุณทำด้วยอะไร

            ข้อความจากรายงานการประชุมกรรมการ และการนำเอกสารชิ้นนี้หลุดมาถึงสื่อ คาดว่าคอมเมนต์ 8 และ 10 น่าจะมาจากกรรมการที่มีอำนาจมาก เพราะมีคอมเมนต์อื่นสนับสนุนแต่มติเป็นไปทาง 2 คอมเมนต์นี้ แต่เชื่อว่ากรรมการที่ไม่เห็นด้วยคงทนไม่ได้ ยอมเสี่ยงปล่อยเอกสารนี้หลุดมายังสื่อ ตนจึงขอขอบคุณมาก ๆ  


            ด้าน คลินิกเกียรติคุณ นพ.อำนาจ กุสลานันท์ กรรมการแพทยสภา อดีตนายกแพทยสภา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เรียน นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. โดยอ้างอิงถึงมติที่ไม่ให้วัคซีนไฟเซอร์กับแพทย์ด่านหน้า ตนเห็นว่า กลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงมาก ถ้าหากกำลังคนที่สำคัญในภาวะวิกฤตนี้ติดเชื้อจะซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก หากมีคนติด คนใกล้ชิดก็ต้องกักตัว ส่งผลให้อัตรากำลังคนขาดแคลนอย่างที่สุดในตอนนี้ ดังที่ได้มีการประกาศปิดห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้องคลอด หรือทั้งโรงพยาบาลมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ผู้ป่วยและประชาชน มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกทั้งจากโควิดและภาวะฉุกเฉินอื่น ๆ ดังนั้น จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวแก่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยด้วย


            นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา โพสต์ระบุว่า ขอสนับสนุนให้วัคซีนเข็ม 3 กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เพราะกลุ่มนี้คือผู้ที่ต้องเสียสละ มีโอกาสได้รับเชื้อตลอดเวลา จึงควรได้เกราะป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อให้สามารถอยู่รอดปฏิบัติงานคุ้มครองผู้ป่วยได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เชื้อระบาดอย่างรุนแรงวิกฤต จนจำนวนบุคลากรไม่เพียงพออยู่แล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยเต็มกำลังและล้ามากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในหลายโรงพยาบาลวิกฤตจนต้องปิดตึกผู้ป่วย ปิดห้องผ่าตัด ปิดห้องฉุกเฉิน ส่วนหนึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างน่าเสียดาย

            ในสภาวะปัจจุบันที่ผู้ป่วยจำนวนมากยังรอการรักษาพยาบาล รอเตียงที่บ้าน จนภาครัฐต้องขยายโรงพยาบาลสนาม และเตียงในโรงพยาบาลเพิ่มเติมไม่หยุดหย่อน ซึ่งต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น ดังนั้นเราจะสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์อีกไม่ได้แล้ว ดังนั้น ควรฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แพทย์กลุ่มนี้ด้วยเพื่อให้เขาไปดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ โปรดอย่าค้านเลย เพราะบุคลากรทุกคนคือกำลังสำคัญในการต่อสู้กับโควิดครั้งนี้ หากไม่มีกำลังพวกเขา ชีวิตของประชาชนจะเข้าสู่ความเสี่ยงอันตรายอย่างหนัก ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตจากสงครามโควิดที่มีการสูญเสียชีวิตทุกวัน



            นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เป็นจิตแพทย์และนักเขียน ระบุถึงความเข้าใจในชีวิตของอายุรแพทย์ เพราะเคยอยู่ในสถานะอายุรแพทย์อยู่เกือบสิบปี ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทุกวันนี้อายุรแพทย์ทุกคนในประเทศกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงสูง ได้รับการฉีดซินแวคที่ป้องกันการติดเชื้อไม่ดีนัก เราปล่อยให้พวกเขาทำงานในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้อย่างไร เราพอใจกับคำปลอบประโลมว่า ซิโนแวคป้องกันการป่วยหนักได้ คือ โอเคได้อย่างไร เรื่องนี้กำลังเกิดแก่ครอบครัวแพทย์ในทุกจังหวัด ในประเทศของเรา เรื่องนี้ไม่ปกติเป็นอย่างยิ่ง เราปล่อยพวกเขาทำงานอยู่กับเชื้อโรคที่ทำอันตรายถึงชีวิตได้ โดยไม่มีเกราะป้องกันตัวได้อย่างไรกัน ระบบสาธารณสุขล่ม ไม่นับว่าการศึกษาและเศรษฐกิจล่มไปแล้ว คือทุกคนล่ม



ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้