ไขข้อข้องใจ ยอดผู้ป่วยโควิด 19 ในไทยจะลดลงเมื่อไหร่ โดย ศบค. ตอบแล้ว ต้องรอ 2 เดือนหลังฉีดวัคซีนจะเห็นผล ส่วนทีม สธ. ชี้ ไทยอยู่ในช่วง 3 เดือนอันตราย เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ต้องเปลี่ยนแผนฉีดวัคซีนเพื่อให้อยู่รอด มิเช่นนั้น ทรุดกว่าเดิม เปิดประเทศไม่ได้

ล่าสุด วันที่ 3 กรกฎาคม 2564 เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ รายงานว่า พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. มีการอธิบายเพิ่มเติมถึงยอดผู้ป่วยโควิด-19 ว่า ยอดผู้ป่วยที่รายงานผลในวันนี้ ความจริงคือเป็นผลการติดเชื้อ จากเหตุการณ์ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนการปูพรมฉีดวัคซีน ที่เริ่มดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นมา ต้องรอ 2 เดือนถึงเห็นผล (ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป) โดยหลังจากฉีดวัคซีนโควิด 2 สัปดาห์ จะเริ่มมีภูมิคุ้มกัน แนวโน้มภาพรวมทั้งประเทศ อัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตน่าจะค่อย ๆ ลดลง

ภาพจาก เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์
เทียบสถิติอัตราการใช้เครื่องช่วยหายใจ - การตาย จากผู้ป่วย 100 คน
นอกจากนี้ พญ.อภิสมัย ยังเปิดเผยสถิติผู้ป่วยโควิด 19 เทียบอัตราการป่วยหนัก การเสียชีวิต เป็นข้อมูลจากกรมควบคุมโรค เป็นดังนี้
- ผู้ป่วย 100 คน จะมีคนที่ปอดติดเชื้อ 5 คน
- ใน 2.5 คน หรือครึ่งหนึ่งของคนที่ปอดติดเชื้อ จะใส่เครื่องช่วยหายใจ
- ในส่วนผู้ใช้เครื่องช่วยหายใจ 10 คน จะมีคนเสียชีวิต 1-2 คน
3 เดือนอันตราย ไทยจะอยู่หรือไปอยู่ที่การเปลี่ยนแผนฉีดวัคซีน
ในการเสวนาเรื่อง วัคซีนโควิด ไทยจะเดินต่อไปอย่างไร ก็มีการพูดคุยถึงแผนการฉีดวัคซีน ซึ่ง นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีการให้ข้อมูลสำคัญบ่งชี้ว่า ช่วงเวลา 3 เดือนหลังจากนี้ ไทยอยู่ในสภาวะสำคัญ สถานการณ์จะเดินทางไปสู่การเปิดประเทศหรือแย่กว่าเดิมก็จะตัดสินช่วงนี้ และปัจจัยที่จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ นั่นคือ การเปลี่ยนแผนการฉีดวัคซีน จากที่ฉีดปูพรมคนหนุ่มสาว เปลี่ยนเป็นระดมฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้คนสูงอายุแทน
"เรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ช่วง 3 เดือน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน เลือกเอาว่าเราจะสามารถเปิดประเทศได้ หรือจะก้าวสู่วิกฤตที่ถลำลึกลงไปอีก สถานการณ์จะแย่กว่าเดิม เพราะสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) เริ่มเข้ามายึดครอง และไม่ถึงเดือนหรือเดือนหน้า จะเป็นสายพันธุ์หลักของผู้ป่วยทั้งหมด มีการระบาดรวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม 1.4 เท่า" นพ.คำนวณ กล่าว
นพ.คำนวณ ยังคาดการณ์ไว้ว่า ถ้าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สถานการณ์การเสียชีวิตจะเป็นดังนี้
- เดือนกรกฎาคม 2564 คาดว่าจะมีคนเสียชีวิต 1,400 คน
- เดือนสิงหาคม 2564 คาดว่าจะมีคนเสียชีวิต 2,000 คน
- เดือนกันยายน 2564 คาดว่าจะมีคนเสียชีวิต 2,800 คน
หากทำได้ตามเป้า การเสียชีวิตจะลดลงดังนี้
- กรกฎาคม 2564 เหลือ 1,000 คน
- สิงหาคม 2564 เหลือ 800 คน
- กันยายน 2564 เหลือ 600 คน

ภาพจาก เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์
ส่วน พญ.อภิสมัย กล่าวถึงเรื่องการเปลี่ยนแผนฉีดวัคซีนว่า ต้องการเห็นภาพประเทศไทยเหมือนในอังกฤษ คือ เมื่อสายพันธุ์เดลตาระบาดในประเทศจนต้องเลื่อนแผนการคลายล็อกดาวน์ ผลคือ ผู้ติดเชื้อในอังกฤษสูงขึ้น แต่ผู้เสียชีวิตมีอัตราลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย 7 โรคก่อน เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุด ลดภาระเตียงผู้ป่วยหนักไม่เพียงพอในระบบสาธารณสุข

ภาพจาก รัฐบาลไทย

ภาพจาก เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์