สมาคมโรคติดเชื้อฯ ไม่อ้อมค้อม แนะ 4 เหตุผล ซื้อวัคซีนอื่นเถอะ หวั่นซิโนแวคสู้สายพันธุ์ใหม่ไม่ได้

           สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ส่งจดหมายถึง นายกรัฐมนตรี วอนเร่งจัดหาวัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ มาทดแทน ซิโนแวค เหตุมีประสิทธิภาพรับมือโควิดสายพันธุ์ใหม่มากกว่า

ซิโนแวค
ภาพจาก Jes2u.photo / Shutterstock.com

           วันที่ 30 มิถุนายน 2564 สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ลงนามโดย ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2564 โดยเนื้อหาระบุว่า กราบเรียน ท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ศบค. ที่เคารพ

            ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น ทางรัฐบาลได้เริ่มออกมาตรการต่าง ๆ ที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมการระบาด หนึ่งในมาตรการที่สำคัญ คือการเร่งระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ครอบคลุมประชากรให้มากที่สุดโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแร งและประชากรกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดความรุนแรงของการระบาดได้ ดังเช่นประสบการณ์ในประเทศอื่น ๆ

            ทางสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย มีความห่วงใยในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19  ที่มีความผันแปรตลอดเวลา โดยเฉพาะการกลายพันธุ์ของไวรัส ที่มีส่วนทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง จึงใคร่ขอนำเรียนเพื่อพิจารณาในประเด็นดังต่อไปนี้

            1. นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกคาดหมายว่าไวรัส โควิดสายพันธุ์อินเดีย จะกลายเป็นสายพันธุ์ที่มีการระบาดกว้างขวางที่สุด และเป็นสายพันธุ์เด่นทั่วโลก ดังที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดียและประเทศอังกฤษ

            2. วัคซีนทุกชนิดที่ใช้อยู่ในโลกขณะนี้ กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไววัสสายพันธุ์อินเดียได้น้อยลง เมื่อเทียบกับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม ข้อมูลเท่าที่มีพบว่าสำหรับวัคซีนชนิด mRNA แม้จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ลดลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง และวัคชีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ เช่น วัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อยลง ส่วนวัคซีนชนิดเชื้อตาย คือ Coronavac (ซิโนแวค) นั้น ไม่มีข้อมูล เนื่องจากวัคซีนนี้ ไม่เคยมีข้อมูลจากการศึกษาวิจัยที่ทำอย่างเป็นระบบ และตีพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการ แต่เนื่องจากระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ดั้งเดิม และสายพันธุ์อังกฤษที่ได้จากวัคซีนชนิดนี้ต่ำกว่า ที่ได้จากวัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ จึงคาดหมายได้ว่า ระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์อินเดียน่าจะลดลงต่ำไปกว่านั้นอีก จนอาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนนี้ในภาพรวม

            3. ข้อมูลประสิทธิผลของวัดซีนจากบริษัท ซิโนแวค ในประเทศไทยที่พบว่าระดับภูมิคุ้มกันหลังการได้รับวัคซีน 2 เข็ม มีระดับเพียงพอ ลดอัตราการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้ เป็นข้อมูลที่เก็บในช่วงของการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ จึงยังไม่อาจนำข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีน มาใช้ในการพิจารณาจัดซื้อวัคซีนในรุ่นถัดไป

            4. ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการใช้วัคซีนเพื่อการควบคุมการระบาด ล้วนแต่ใช้วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะทั้งสิ้น ส่วนประเทศที่ใช้วัคซีนชนิดเชื้อตายเป็นหลัก เช่น อินโดนีเซียและชิลี ยังพบผู้ป่วยใหม่ในอัตราที่สูงมาก แม้จะลดอัตราตายได้ แต่ก็เป็นภาระต่อระบบสาธารณสุขของประเทศเหล่านั้นเป็นอย่างมาก


            นอกจากนั้นในขณะนี้เริ่มปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนแล้วว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากขึ้น ในประเทศอินโดนีเซีย ในประเทศชิลี มีการใช้วัคซีนชนิด mRNA เพิ่มขึ้นอย่างมาก และพบว่าวัคซีนชนิด mRNA มีประสิทธิผลสูงกว่าวัคซีนของบริษัท ซิโนแวค ในทุกด้าน ทั้งการป้องกันการป่วย (90.9% เทียบกับ 63.6%) ป่วยปานกลาง (97.1% เทียบกับ 87.3%), ป่วยหนักเข้าไอซียู (98.4% เทียบกับ 90%) และเสียชีวิต (91.8% เทียบกับ 86.4%) การเลือกชนิดของวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมป้องกันโรค จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ประกาศไปแล้ว

ด้วยเหตุผลตังกล่าว สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย จึงขอเสนอแนวทางเรื่องวัคซีน ดังนี้


            1. รัฐบาลควรเร่งรัด และสร้างหลักประกันในการที่จะมีวัคซีนที่ได้วางแผนจัดซื้อไว้แล้ว ให้มีใช้ในปริมาณที่เพียงพอ และถ้าเป็นไปได้ ให้มีวัคซีนเข้ามาเร็วกว่าเดิม เพื่อเร่งระดมให้กับประชาชนให้ครอบคลุมได้ตามเป้าหมายโดยเร็วต่อไป การเร่งให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนโดยเร็วที่สุดดังกล่าวนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จะช่วยชะลอการระบาดของเชื้อทุกสายพันธุ์ได้ระดับหนึ่งจนกว่าจะมีวัคซีนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะกับเชื้อสายพันธุ์ใหม่

            2. เร่งรัดจัดหาวัคซีนชนิดอื่น เช่น วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ มาทดแทนวัคซีนชนิดเชื้อตายของบริษัท ซิโนแวค ซึ่งในแผนการจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมให้ครบ 150 ล้านโดสนั้น มีสัดส่วนของวัคซีนของบริษัท ซิโนแวค ค่อนข้างมาก ทั้งที่มีแนวโน้มว่าวัคซีนนี้น่าจะป้องกันโควิด-19 ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้ หากได้วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะเพิ่มขึ้น โดยจัดหาวัคซีนชนิด mRNA มาในสัดส่วนที่มากที่สุด น่าจะเป็นผลดีต่อการควบคุมป้องกันโรคมากกว่า ทั้งนี้หากสามารถจัดหามาได้ในปริมาณมาก ตั้งแต่ก่อนสิ้นปีนี้ ยิ่งจะเป็นการดี

            3. รัฐบาลควรมีแผนการจัดหาวัคซีนรุ่นต่อไป ที่ผู้ผลิตออกแบบให้สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้ รวมทั้งเตรียมการจัดซื้อล่วงหน้า โดยแก้ไขหรือยกเลิกระเบียบขั้นตอนที่ยุ่งยากทางราชการที่ทำให้การจัดซื้อเป็นไปด้วยความล่าช้า มีแนวนโยบายและการสั่งการที่ชัดเจนในประเด็นของความเร่งด่วนของสถานการณ์ อย่างไรก็ตามยังคงต้องคำนึงถึงความโปร่งใส สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ด้วย

            4. รัฐบาลควรส่งเสริมนักวิจัยและอุตสาหกรรมยาในประเทศ ให้สามารถทำวิจัยได้สำเร็จ และมีศักยภาพที่จะผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพสูงได้เองภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพิงต่างชาติ ทั้งยังอาจเป็นหนทางสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย


ซิโนแวค

ซิโนแวค
ภาพจาก ThaiPBS


>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สมาคมโรคติดเชื้อฯ ไม่อ้อมค้อม แนะ 4 เหตุผล ซื้อวัคซีนอื่นเถอะ หวั่นซิโนแวคสู้สายพันธุ์ใหม่ไม่ได้ โพสต์เมื่อ 1 กรกฎาคม 2564 เวลา 08:50:26 18,650 อ่าน
TOP