คุณหมอเล่าเรื่องเศร้า เมื่อตกอยู่ในภาวะที่ต้องเลือกช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด เพราะเครื่องมือจำกัด อีกทั้งได้ข้อคิด ผู้ป่วยโรคนี้ต้องเข้มแข็งที่สุด เพราะไม่มีคนข้าง ๆ ที่คอยให้กำลังใจ
วันที่ 5 มิถุนายน 2564 เฟซบุ๊ก Sarobon Chaudakshetrin ซึ่งเป็นคุณหมอด้านโรคติดเชื้อจากโรงพยาบาลรามคำแหง มีการโพสต์เล่าประสบการณ์ที่ต้องดูแลผู้ป่วยโควิด 19 อาการหนักในห้องไอซียู เป็นคุณลุงวัย 79 ปี มีรายละเอียดดังนี้
การได้ดูแลคนไข้โควิด-19 ในช่วงเวลาเกือบ 2 เดือน มีทั้งอาการเล็กน้อยและหนักจนเข้าไอซียู มีทั้งอายุ 10 ปีขึ้นไปจนถึงเกือบ 100 ปี ทำให้เห็นแง่มุมต่าง ๆ ในชีวิตมากขึ้น และมีผลในแง่ความรู้สึกมาก เมื่อเจอคนไข้รายหนึ่ง
คนไข้รายนี้เป็นคุณลุงวัย 79 ปี เจอครั้งแรกลุงบอกว่า ผมรีบมาหาหมอเลย ผมระวังตัวมาก แต่ก็ยังติด ผมจะหายจากโรคนี้ใช่ไหม
ทั้งนี้ คุณลุงเป็นคนไข้ที่มีวินัย ทำตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่เคยงอแง อดทน ฝึกใช้วิดีโอคอล เข้าใจวิธีการรักษาของหมอตลอดมา กระทั่งเมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ ต้องให้ออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ลุงเริ่มลุกไม่ค่อยไหว
อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่สามารถหาเครื่องให้คุณลุงได้ และที่โรงพยาบาลมีเพียงเครื่องเดียว ต้องเลือกให้คุณป้าอีกห้องที่อาการแย่กว่า ซึ่งในใจของหมอก็คิดว่า ไม่เคยคิดว่า เราจะต้องเป็นผู้ที่เลือกช่วยผู้ป่วย แบบที่หลายประเทศทำกันในภาวะจำเป็น
ถึงกระนั้น คุณลุงก็ยังสู้ต่อจนได้เครื่อง HFNC และเข้าไอซียูในที่สุด มีการร่ำลาบุคลากรทางการแพทย์ ทิ้งท้ายว่า ไปก่อนนะ คงไม่ได้กลับมาที่นี่อีก นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่า คุณลุงเริ่มท้อมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อลุงอยู่ในไอซียู อาการก็แย่ลง จนสุดท้ายก็เสียชีวิตในที่สุด
นอกจากคุณลุงแล้ว ก็ยังมีคุณย่าอีกคนเป็นผู้ป่วย
คุณย่ารายนี้ดูแลตัวเองอย่างดี ไม่เคยงอแง และอยู่กับลุงเตียงข้างกันมา ย่าต้องเข้าไอซียู แล้วก็ออกมาได้ แต่สุดท้ายก็กลับเข้ามาอีก หลังจากที่คุณลุงจากมาแล้ว เนื่องจากอาการแย่ลง
ภาพเดิมกลับมาอีกครั้ง เมื่อย่าโทรศัพท์บอกลูกว่า ไม่ไหวแล้ว อยากพัก และสั่งเสีย ขอให้ทุกคนอโหสิกรรมให้ย่าด้วย ส่วนลูกสาวก็คิดว่า ย่าป่วยซึมเศร้า หลังจากนั้นย่าก็อาการแย่ลง และจากไปอย่างสงบ
ข้อคิดที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้
คุณหมอระบุว่า คนป่วยโรคนี้แตกต่างจากโรคอื่นตรงที่ ไม่มีคนที่เขารักคอยอยู่ข้าง ๆ เหมือนภาวะปกติ อยู่อย่างโดดเดี่ยวและท้อแท้มาก ถึงแม้พยายามเข้มแข็ง แต่คนไข้เองก็รู้สึกว่าไม่ไหว เหนื่อยมากและไม่อยากทรมานอีกต่อไป ส่วนญาติเองก็ทรมานเพราะไม่สามารถเข้าไปดูแลได้เลยในช่วงวาระสุดท้าย
ดังนั้น หมอพยายามเข้าไปหาคนไข้ให้มากที่สุด เพราะคนไข้ไม่ได้ต้องการแค่รับการรักษา แต่ต้องการคนที่คอยให้กำลังใจด้วย จะได้ไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง และผ่านช่วงเวลานี้ไปได้
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่