ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ชี้โควิด 19 แพร่กระจายได้ผ่านทางอากาศ แม้อยู่ห่างเกิน 6 ฟุต ยังสามารถติดต่อได้ หรือมีคนเข้ามายังจุดที่ผู้ป่วยเดินจากไปไม่นาน ก็มีความเสี่ยงรับเชื้อ

วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 เว็บไซต์ Business Today รายงานว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) เผยข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับเรื่องโรคโควิด 19 โดยยืนยันว่าเป็นเชื้อที่สามารถแพร่กระจายผ่านอากาศ (airborne) และสามารถแพร่เชื้อได้ผ่านละอองลอยของสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ
แม้การติดเชื้อผ่านการสูดดมในระยะห่างมากกว่า 6 ฟุต (ราว 1.8 เมตร) ไม่น่าที่จะเป็นไปได้ แต่ล่าสุด CDC ชี้ว่า การแพร่เชื้อของไวรัส SARS-CoV-2 ที่ทำให้เกิดโรคโควิด 19 จากการหายใจเอาเชื้อเข้าไป สามารถเกิดขึ้นได้แม้ในระยะห่างเกิน 6 ฟุต
โดยจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ติดเชื้อหายใจออกจนปล่อยไวรัสออกมาในพื้นที่ปิดภายในอาคาร (indoors) เป็นเวลานาน ซึ่งอาจนานกว่า 15 นาที หรือหลายชั่วโมงในบางเคส จนทำให้มีความเข้มข้นของไวรัสในพื้นที่นั้นมากพอที่จะแพร่เชื้อสู่ผู้ที่อยู่ห่างออกไปเกินระยะ 6 ฟุต หรือแพร่สู่คนที่เดินผ่านมายังพื้นที่นั้น เพียงไม่นานหลังผู้ติดเชื้อเดินจากไป
ทั้งนี้ CDC ยังสรุปถึงปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เมื่ออยู่ในพื้นที่ภายในอาคารคือ
- การอยู่ในพื้นที่ปิดซึ่งมีการระบายอากาศไม่ดี หรือการถ่ายเทอากาศไม่เพียงพอ ซึ่งจะทำให้ความเข้มข้นของสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะละอองขนาดเล็ก สะสมอยู่ในอากาศของพื้นที่นั่น
- การที่ผู้ติดเชื้อมีการออกแรงหรือเพิ่มระดับเสียง จนปล่อยสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจออกมามากขึ้น เช่น การออกกำลังกาย การตะโกน หรือการร้องเพลง
- การอยู่ในสภาวะดังกล่าวเป็นเวลานานเกิน 15 นาที
ทั้งนี้ เว็บไซต์ CNBC ได้เผยบทสัมภาษณ์จาก ดร.แอนโธนี ฟัวซิ แพทย์ชาวสหรัฐฯ ซึ่งได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องทำงานอยู่ในอาคาร ว่าควรดูแลให้มีระบบการถ่ายเทอากาศที่ดี เพื่อช่วยลดความเข้มข้นของไวรัสในอากาศ อีกทั้งควรดูแลระบบปรับอากาศ ระบบการระบายความร้อน ว่าสามารถทำงานได้เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการไหลเวียนของอากาศ
นอกจากนี้ การเปิดหน้าต่างและประตูเพื่อให้อากาศภายนอกเข้ามาภายในสถานที่ทำงาน ตลอดจนการใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองแบบ HEPA ก็สามารถทำความสะอาดอากาศในบริเวณที่มีคนรวมตัวกันหนาแน่นได้เช่นกัน
และสิ่งสำคัญก็คือ การสวมหน้ากากอนามัยไว้อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในอาคาร
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก CDC, Business Today, CNBC