หนุ่มโชว์ใบเสร็จน้องชายติดโควิด รักษาโรงพยาบาลเอกชน 16 วัน โดนเรียกเก็บค่ารักษาเกือบล้านบาท สุดงงจู่ ๆ หามเข้า ICU แต่ยังคุยกับญาติปกติ สั่งอาหารมากินได้ ด้าน สปสช. เตือน รพ. เอกชน อย่าเรียกเก็บกับผู้ป่วย ตกลงกันแล้ว สปสช. จะจ่ายให้
วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ช่อง 3 รายงานว่า หนุ่มรายหนึ่งได้โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องค่ารักษาพยาบาลของน้องชาย
หลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากที่ติดโควิด-19 เป็นเวลา 16 วัน
ระหว่างนั้นถูกส่งตัวเข้ารักษาในห่องไอซียู 3 วัน
โดยมีค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงเกือบ 1 ล้านบาท
โดยระบุว่า น้องชายของตนติดโควิด ทราบผลเมื่อวันที่ 6 เมษายน จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่โรงพยาบาลดังกล่าวเตียงเต็ม ทางญาติจึงพยายามติดต่อโรงพยาบาลอื่น ๆ กระทั่งโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งรับตัวเข้ารักษาในเย็นวันเดียวกัน ซึ่งผู้ป่วยเป็นคนขับรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลนั้นน้องชายไม่มีอาการใด ๆ น่ากังวลจากสายตาของคนที่บ้าน เพราะได้พูดคุยผ่านทางวิดีโอคอลกันทุกวัน และน้องชายยังสั่งอาหารจากข้างนอกมากินทุกวันอีกด้วย
จากนั้นในวันที่ 17 เมษายน ตนได้ติดต่อไปสอบถามโรงพยาบาลเรื่องค่าใช้จ่าย โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายรวมน่าจะอยู่ที่ 430,000 บาท ทำให้ทางเราอุ่นใจ เพราะยังอยู่ในวงเงินประกันชีวิต 5 แสนบาท แต่เย็นวันเดียวกัน น้องชายถูกย้ายตัวเข้าห้องไอซียู เพราะแพทย์แจ้งว่าปอดมีปัญหา ที่ทราบเพราะน้องชายติดต่อมาบอก ทางโรงพยาบาลไม่ได้แจ้งญาติแต่อย่างใด ทั้งที่บอกไว้ก่อนแล้วว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นให้แจ้งญาติทราบก่อน ซึ่งระหว่างที่อยู่ห้องไอซียู น้องชายก็ดูอาการไม่น่าเป็นห่วง เพราะยังมีการวิดีโอคอลพูดคุยกัน และน้องชายก็ยังสั่งอาหารจากข้างนอกเข้ามากินในห้องไอซียูได้
กระทั่งวันที่ 20 เมษายน น้องชายถูกย้ายตัวจากห้องไอซียูเข้าไปอยู่ในห้องผู้ป่วยปกติ ตนได้สอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายกับทางโรงพยาบาลอีกครั้ง และได้รับคำตอบว่าตอนนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาอีก 500,000 บาท เป็นค่ายาในห้องไอซียู 400,000 บาท และค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ อีก 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 930,000 บาท ทำให้ทางครอบครัวตกใจอย่างมาก
ต่อมาวันที่ 22 เมษายน ตนจึงเข้าไปที่โรงพยาบาลเพื่อสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายดังกล่าว ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ใช้เวลาอธิบายนานกว่า 2 ชั่วโมง แต่เป็นการพูดวกไปวนมา โดยแจ้งว่าญาติไม่มีสิทธิ์ในการสอบถาม เพราะแจ้งกับคนไข้ไปหมดแล้ว แต่ทางครอบครัวยืนยันว่าเป็นสิทธิ์ที่ญาติต้องรู้ และให้เบอร์ตรงกับทางโรงพยาบาลไว้แล้ว หลังจากนั้นในช่วงเย็นวันเดียวกัน ทางโรงพยาบาลแจ้งมาว่าให้น้องชายออกจากโรงพยาบาลทันที ทั้งที่กำหนดเดิมต้องออกจากโรงพยาลคือวันที่ 24 เมษายน ตนพยายามถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางโรงพยาบาล แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ
กับเรื่องที่เกิดขึ้นตนตั้งข้อสังเกตว่า หากน้องชายมีอาการวิกฤตจนต้องเข้าห้องไอซียู แต่ทำไมยังสามารถพูดคุยได้ปกติกับครอบครัว ยังสามารถสั่งอาหารเข้าไปกินในห้องไอซียูได้ และค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวในห้องไอซียูทำไมถึงแพงขึ้นมากว่าเท่าตัว ทั้งที่อยู่ห้องไอซียูเพียง 3 วัน และหากน้องชายอาการวิกฤตจริง ทำไมถึงให้กลับบ้านหลังออกจากห้องไอซียูเพียงแค่ 2 วัน
ขณะที่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ตามข้อกำหนดผู้ติดเชื้อโควิดจะได้รับการรักษาฟรี โดย สปสช. จะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ยกเว้นในกรณีที่ผู้ป่วยมีประกันสุขภาพ ทางโรงพยาบาลก็จะเรียกเก็บกับบริษัทประกัน
ซึ่งโดยหลักการแล้วทางโรงพยาบาลเอกชนจะต้องทำเรื่องเบิกค่ารักษามาที่ สปสช. ไม่ควรไปเรียกเก็บเงินกับผู้ป่วย เพราะมีการตกลงกันแล้วตั้งแต่ต้นว่าสามารถเบิกค่ารักษาได้มากกว่า 3,000 รายการ และข้อเสนอดังกล่าวทางโรงพยาบาลเอกชนก็เป็นฝ่ายเสนอเข้ามา พร้อมกำหนดราคามาทั้งหมด แถมยังกำหนดให้ สปสช. จ่ายเพิ่มอีก 20% ด้วย เช่น ราคาสำหรับแพทย์ ทางแพทยสภากำหนดให้ 8,000 บาท ทางโรงพยาบาลก็ไม่ควรที่จะเรียกเก็บเกินกว่านั้น เพราะโรคโควิดเป็นโรคติดต่อร้ายแรง เป็นเหตุฉุกเฉิน เพราะทุกโรงพยาบาลตกลงกันแล้วว่าจะร่วมใจกันคิดราคาสำหรับผู้ป่วยให้อยู่ในเกณฑ์ตามที่กำหนดไว้
นพ.จเด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ สปสช. อาจจะถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงินช้า ทำให้เอกชนบางส่วนอ้างว่าต้องเก็บเงินมาก่อน เมื่อได้เงินจาก สปสช. มาแล้วจึงจะคืนเงินให้ผู้ป่วย แต่ปัจจุบันตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน เป็นต้นมา ทางโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งเห็นตรงกันแล้วว่า สปสช. จ่ายเงินรวดเร็วขึ้น ทางโรงพยาบาลเอกชนจึงไม่ควรเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยอีกต่อไป นอกจากนี้หากพบว่ามีการเรียกเก็บเงินรายการเดียวกัน แต่ราคาแพงกว่าปกติ สามารถแจ้งเข้ามาที่ สปสช. หมายเลข 1330 เพื่อดำเนินการคืนเงินให้ต่อไป
