อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เตือน อย่าหลงเชื่อสูตรยาพื้นบ้านให้กินน้ำมันข่อย ลั่นรักษาและป้องกันโควิด 19 ไม่ได้ ไม่ได้มีผลงานวิจัยอะไรรองรับเลย ยิ่งนับวันยิ่งไปกันใหญ่
วันที่ 8 เมษายน 2564 นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เตือนเกี่ยวกับการแชร์ข่าวปลอม โดยระบุว่า "เฮ้ออ นับวันจะยิ่งไปกันใหญ่แล้วนะครับ เรื่องสูตรยาพื้นบ้านป้องกันรักษาโรคโควิด 19 เนี่ย ตอนนี้ลามไปถึง "กินน้ำมันข่อย" แล้ว ... ไม่ได้นะครับ !! ไม่ได้มีผลงานวิจัยอะไรรองรับเลยว่า น้ำมันข่อย กินแล้วป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรค covid-19 ได้ !!"
ทั้งนี้ สำหรับสรรพคุณสมุนไพร ข่อย เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อช่องปากที่มีรายงาน เช่น ในอินเดียใช้กิ่งข่อยอ่อนทุบให้นิ่มใช้เป็นไม้สีฟันทำให้ฟันแน่นทนในประเทศอื่น ๆ ใช้น้ำต้มจากเปลือกข่อยต้มกับเกลือเป็นยาอมแก้เหงือกอักเสบ ในประเทศไทยพบว่ามีการใช้กิ่งข่อยสีฟันใช้น้ำยางจากต้นข่อยผสมเกลือใส่ฟันหรือถูบริเวณที่ปวดฟัน เหงือกบวม จะแก้อาการเจ็บปวดได้
นอกจากนั้น
ข่อยยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้ดีโดยสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่ในคลองรากฟันและเชื้อก่อโรคปริทันต์มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อกลุ่ม
Streptococci โดยเฉพาะเชื้อสเตร็ปโตคอคคัส มิวแทนส์
ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดแผ่นคราบจุลินทรีย์และโรคฟันผุ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant
วันที่ 8 เมษายน 2564 นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เตือนเกี่ยวกับการแชร์ข่าวปลอม โดยระบุว่า "เฮ้ออ นับวันจะยิ่งไปกันใหญ่แล้วนะครับ เรื่องสูตรยาพื้นบ้านป้องกันรักษาโรคโควิด 19 เนี่ย ตอนนี้ลามไปถึง "กินน้ำมันข่อย" แล้ว ... ไม่ได้นะครับ !! ไม่ได้มีผลงานวิจัยอะไรรองรับเลยว่า น้ำมันข่อย กินแล้วป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรค covid-19 ได้ !!"
ทั้งนี้ สำหรับสรรพคุณสมุนไพร ข่อย เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อช่องปากที่มีรายงาน เช่น ในอินเดียใช้กิ่งข่อยอ่อนทุบให้นิ่มใช้เป็นไม้สีฟันทำให้ฟันแน่นทนในประเทศอื่น ๆ ใช้น้ำต้มจากเปลือกข่อยต้มกับเกลือเป็นยาอมแก้เหงือกอักเสบ ในประเทศไทยพบว่ามีการใช้กิ่งข่อยสีฟันใช้น้ำยางจากต้นข่อยผสมเกลือใส่ฟันหรือถูบริเวณที่ปวดฟัน เหงือกบวม จะแก้อาการเจ็บปวดได้

>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant