พญ.นิษฐา เอื้ออารีมิตร แพทย์อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจ เผยอาการโควิดจากการดูแลผู้ป่วย 100 เคส สำหรับสายพันธุ์อังกฤษ เน้นระวังอาการ ไอ ไข้ เหนื่อย ซึ่งอาการจะเริ่มมาวันที่ 5-8 พบมีอาการไอบ่อย เสมหะข้นเหนียว
จากการระบาดของโควิด 19 ในรอบที่ 3 ซึ่งยืนยันแล้วว่ารอบนี้เป็นสายพันธุ์อังกฤษ มีการแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วถึง 1.7 เท่า และทำให้ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุด สูงถึงวันละเกิน 1,000 คนเข้าไปแล้ว อันเป็นเหตุให้เตียงตามโรงพยาบาลเต็ม และต้องมีการสร้างโรงพยาบาลสนาม
ล่าสุด วันที่ 14 เมษายน 2564 พญ.นิษฐา เอื้ออารีมิตร แพทย์อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจ ได้ออกมาแชร์อาการ หลังจากที่ดูแลเคสโควิด 19 สายพันธุ์อังกฤษ กว่า 100 เคส เพื่อเป็นข้อมูลให้แพทย์และผู้ที่สนใจ ได้ลองสังเกตอาการกันที่บ้าน
อาการปอดอักเสบจะเยอะมาก และเยอะกว่าเดิม โดยผู้ชายจะมีอาการรุนแรงกว่าผู้หญิง
อาการที่ต้องระวังคือ ไอ ไข้ เหนื่อย ซึ่งจะมาในวันที่ 5-8 ของการเริ่มป่วย ให้แพทย์สั่งสแกนปอดได้เลย โดยสแกนตั้งแต่วันแรกแรก และอีกทีวันที่ 5 ของการมีอาการ โดยต้องเริ่มซักประวัติตั้งแต่วันที่เริ่มมีอาการดีๆ ไม่ใช่วันที่แอดมิต แล้วสั่งฟิล์มเลย และถ้าวันแรกรับมีไข้ขึ้น วันที่ 3-5 ก็สั่งฟิล์มก่อนเลย ไม่ต้องรอ
จากปกติ ค่าออกซิเจนในฮีโมโกลบิน จากปกติจะอยู่ที่ร้อยละ 98-99 ถ้าวันไหนสวิงมาที่ 95-96 ให้ระวังดีๆ
อาการไอเป็นอาการที่พบบ่อย โดยคนไข้จะบอกว่า หายใจเข้าลึก ๆ แล้วอึดอัดอยากไอ ไม่ใช่อาการคันคอเสมหะจะเหนียวมาก ๆ บางครั้งก็ปนเลือด
พยายามให้คนไข้เดินไปเดินมาในห้อง อย่านั่งเฉย ๆ ให้เลือดหมุนเวียนป้องกันลิ่มเลือด
ความเสี่ยงที่น่ากลัวว่าโรคจะรุนแรง คืออาการอ้วน โดยเฉพาะคนที่มีค่า BMI > 30 กับเบาหวาน คนอายุน้อย ๆ มีอาการรุนแรงก็เยอะ
หากให้ยา favipiravir (ยาต้านโควิด) แล้วมีไข้ 2 วันหรือแย่ลง ต้องให้อย่างอื่นเพิ่ม หากไข้ไม่ลงใน 2 วัน ต้องให้ฟิล์มด้วย ซึ่งรอบนี้ค่อนข้างชัดคือ ยา favipiravir ไม่ค่อยได้ผล
ต้องมีการตรวจหาอาการอักเสบในร่างกาย แต่ดูไม่ค่อยเชื่อมโยงกับอาการทาง clinical เท่าไร บางเคสเจอต่ำ ๆ แต่มีไข้และปอดไปแล้วก็มี
อาการที่สงสัยว่าอาจจะแย่ได้คือ ท้องเสีย เจ็บคอมาก ๆ ให้ระวังเอาไว้ดี ๆ
_Nittha_Oer-areemitr_-_Facebook_-_www.facebook.com.jpg "อาการโควิด")
ภาพจาก Nittha Oer-areemitr
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
