กรมการแพทย์ รู้สาเหตุ รพ. เอกชน อ้างน้ำยาตรวจโควิด 19 หมด - ย้ำชัด 3 เบอร์นี้ ช่วยได้ !

          รายการ โหนกระแส วันที่ 12 เมษายน 2564 สัมภาษณ์ นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ และ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กรณีความกังวลใจของคนไทยหลังโควิด 19 ระบาดหนัก พร้อมสารพัดข่าวลือ เตียงเพียงพอหรือไม่

ตอนนี้ผู้ป่วยโควิด-19 ประมาณ 900 กว่า เกือบ ๆ 1,000 เตียง เพียงพอไหม ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ขณะนี้เรามีระบบข้อมูลนำเข้าเตียงโรงพยาบาลรัฐและเอกชนเข้ามากระทรวงสาธารณสุข ผ่านระบบสารสนเทศ เรามีเตียงรองรับ 2 หมื่นเตียง เฉพาะโควิด ไม่รวมเตียงที่ให้บริการตามปกติ จริง ๆ แล้วเราสามารถใช้เตียงปกติเป็นห้องแยก ห้องพิเศษ ทำเป็นเตียงโควิดได้อีก อีกส่วนหนึ่งเรากำลังเตรียมโรงพยาบาลสนาม หรือโรงพยาบาลที่อยู่ในโรงแรม คนไข้ที่ไม่ค่อยมีอาการ ทั้ง กทม. และต่างจังหวัด จะเห็นที่เชียงใหม่ สนามกีฬา แอดมิตนอนไปแล้ว 200 ราย เกือบทุกจังหวัดต้องมีตรงนี้ ชลบุรี 300 ราย ที่โรงพยาบาลสนามก็เตรียมไว้เหมือนกัน ใน กทม. วันนี้ได้รับการดีลเรียบร้อยว่าโรงพยาบาลเอกชนจะไปติดต่อโรงพยาบาลที่อยู่ในโรงแรมประมาณ 3 พันเตียง ระบบเริ่มเดินได้วันนี้ พรุ่งนี้่ก็ค่อย ๆ เติมคนเข้าไปในระบบ

2 หมื่นเตียง รวมโรงพยาบาลรัฐและเอกชน เฉพาะโควิด แต่บางคนติดต่อมาหาผมเยอะมาก บอกว่าเตียงเต็ม ผมก็โทร. ไปถามโรงพยาบาล เขาบอกเตียงเต็ม ได้ยินกับหูเลย ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ใช่ครับ ในระยะ 1 อาทิตย์ มีปรากฏการณ์ที่เกิดความตื่นตระหนก คนไปตรวจเยอะทั้งโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งเขามีความสามารถในการตรวจ แต่เตียงเขาเตรียมไว้ไม่พอ พอเจอเป็นบวกทีเดียว บางโรงพยาบาลเอกชน 100-200 เขาไม่สามารถรันทันได้ 1-3 วันนี้เลยจัดการเพิ่มเติม หาเตียงในโรงแรมให้เป็นฮอสพิเทลให้ ส่วนหนึ่งกระจายไปโรงพยาบาลอื่น ก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่าเอกชนเขาไม่คาดว่าจะเกิดปรากฏการณ์บวกมากขนาดนี้ และมีประชาชนส่วนหนึ่งเดินไปขอตรวจร้านเอกชนที่ทำแล็บได้ พอเจอขึ้นมาเขาไม่มีเตียงรองรับ พอเขาติดต่อเข้ามาก็เลยต้องรอหน่อย

          พอต้องรอก็เกิดความโกลาหลว่าเมื่อไหร่จะได้เตียง วันนี้เราจัดการแล้วครับ ต้องขอเล่าว่าถ้าหากวันนี้มีปัญหาผลเป็นบวก มีปัญหาเรื่องเตียง ท่านสามารถโทร. หา 1668 เป็นเบอร์กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เล่าว่าท่านไปตรวจเมื่อไร มีติดต่ออย่างไร ทางนี้จะหาเตียงให้ได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นของกรมการแพทย์ เช่น โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันประสาท ในส่วนโรงพยาบาลเด็ก เป็นต้น อีกส่วนถ้าเตียงยังพอหาได้ก็เก็บชื่อไว้ เราจะโอนไปอีกที่หนึ่ง คือ 1669 ฉุกเฉิน เราต้องเตรียมเอกสาร ถ้ามีใบยืนยันโรงพยาบาลต้นสังกัดไปตรวจเขาว่าไง ถ้าเขาบอกว่ารออีกวันเขากำลังเตรียมให้อยู่ก็รอ แต่ถ้าเขาบอกไม่มีเตียงก็โทร. ไป 1669 ของ กทม. จะประสานให้ทั้งหมดใน กทม. 1668 ของกรมการแพทย์ อีกเบอร์หนึ่ง 1330 สปสช. ตรงนี้จะพยายามหาเตียงในส่วนเอกชนให้ และจะติดต่อกลับไปให้เร็วที่สุด

ภาพจาก โหนกระแส

มีประเด็นว่าโรงพยาบาลเอกชนตกลงกับภาครัฐ ใครก็ตามแต่ไปตรวจโรงพยาบาลเอกชน ต้องนอนโรงพยาบาลนั้น รัฐบาลจะมาซัพพอร์ตจ่ายเงินให้ ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : จะเป็น สปสช. หรือกองทุนราชการ จะมีการตกลงว่าฟรี เป็นรายจ่ายของภาครัฐครับ

แต่โรงพยาบาลเอกชนมองว่ามันไม่คุ้ม เหมือนภาครัฐไปจ่ายให้เขาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เขาเลยแจ้งว่าโรงพยาบาลเต็ม เพราะภาครัฐจ่ายช้า จริงหรือเปล่า ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ระดับตรงนี้เขาเคลียร์กันมานานแล้ว เขาจะเพิ่มจากยูเซ็ปฉุกเฉินธรรมดาอีก 25 เปอร์เซ็นต์ และยังมีค่าอย่างอื่นอีก ในรายการอยู่ได้สบาย ถ้าประชาชนมีประกันชีวิตส่วนตัวก็เบิกประกันชีวิตได้อีก และสามารถนำมาใช้กับตรงนี้ได้ จริง ๆ ส่วนใหญ่ได้ทั้งนั้น โคฟเวอร์เป็นที่พอใจ เป็นระบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ระลอกแรกแล้ว ข่าวที่พูดมาไม่ใช่ครับ

ตอนนี้โรงพยาบาลเอกชนแทบทุกโรงพยาบาลบอกว่าเตียงเต็มหมด เขาลือกันว่ารัฐบาลจ่ายเงินน้อย เขาเก็บไว้ให้คนไข้เขาดีกว่า ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ไม่จริงครับ ระบบการจ่ายเงินตามข้อมูลเอกสารที่มี แต่บางครั้งอาจต้องทบทวนเอกสารว่าเป็นผู้ป่วยจริงไหม ใช้อะไรไปบ้าง คนไข้เยอะ กองทุน สปสช. เขาต้องทำงานในการเคลียริ่ง ใช้เวลาไปหน่อย ผมคิดว่าการตรวจสอบจำเป็น เพราะคนไข้บางทีเยอะ แล้วไม่ได้มีประวัติเสี่ยงแต่ไปตรวจ อาจต้องขออภัยนิดหนึ่งว่าระบบกำลังทำงาน แต่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินนะครับ จ่ายตามข้อตกลงที่ได้ทำกับภาคเอกชนเลย

 

ภาพจาก โหนกระแส

ก่อนหน้านี้ใครก็ตามที่เป็นโควิด ภาครัฐแนะนำว่าต้องนอนโรงพยาบาล แต่วันนี้สถานการณ์เพิ่มมากขึ้น จะมีนโยบายใหม่ไหมว่าคนอาการน้อยเก็บตัวอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน เก็บตัวอยู่บ้าน จนกว่าจะมีอาการเยอะแล้วไปโรงพยาบาล เพื่อหลีกทางให้คนอาการเยอะก่อน จะมีนโยบายถึงขั้นนั้นไหม ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ในวันนี้สถานการณ์เราอยากให้ผู้ป่วยเป็นผลบวกทุกรายได้รับการนอนที่โรงพยาบาล แต่ในระหว่างการรอเตียง หรือบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราอยากให้ท่านนอนรออยู่ที่บ้านก่อน กักตัวเพื่อไม่ไปแพร่เชื้อ และท่านสามารถโทร. มาในระบบที่เราว่าเพื่อให้ข้อมูล ระบบจะส่งรถโรงพยาบาลไปรับ จะไม่ให้ผู้ป่วยเดินทางมาเองด้วย ระบบการจัดการจะเป็นอย่างนี้

ภรรยาคุณแจ๊ส ชวนชื่น โทร. มาหาบอกว่าไม่มีโรงพยาบาลนอนได้ จะทำยังไง รวมถึงเรื่องการร้อง ครอบครัวหนึ่งติด 3 คน ไม่มีเตียงนอน แบบนี้จะทำยังไงดี ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ตอนนี้ระบบเรากำลังเพิ่มเตียงอย่างฉับพลันใน 2 วันนี้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และ กทม. เพิ่มเตียงอย่างที่เราว่าคือ โรงแรม โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลสนาม เช่น ม.ธรรมศาสตร์ ก็เพิ่มถึง 470 เตียง ผมว่าสิ่งที่ประชาชนได้รับในช่วง 1-2 วัน เป็นเรื่องความโกลาหลในการจัดการ เมื่อวานและวันนี้เช้าก็เพิ่งคุยกัน ระบบจะเข้าที่เข้าทางในเร็ว ๆ วันนี้ครับ จะพยายามรับปากพี่น้องประชาชน ทำให้ดีที่สุดให้พี่น้องได้รับการดูแลในโรงพยาบาล

          แต่ระหว่างนี้ถ้าท่านไม่มีอาการอยู่ที่บ้านก่อน แต่เราจะดูแลท่าน หรือท่านอาการหนัก ท่านโทร. ได้  1669 ฉุกเฉิน ให้รถโรงพยาบาลไปรับได้ มีการสั่งการ 3 เบอร์ที่ให้ไปโทร. ได้ แต่เบอร์ 1669 จะหาเตียงให้เบ็ดเสร็จ สุดท้าย 1668 เราเอาไว้ผู้ป่วยที่เป็นแล้วและโทร. มา ส่วนหนึ่งจะหาเตียงในโรงพยาบาลกรมการแพทย์ให้ แต่ถ้าหาไม่ได้ 1668 จะเอาข้อมูลตรงนี้ไปให้ 1669 บริหารจัดการ ทั้ง กทม. และปริมณฑล ทราบ

เฉพาะ กทม. ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ตรงนี้เฉพาะ กทม. และปริมณฑล เราเชื่อว่าต่างจังหวัดไม่มีปัญหา เพราะท่านตรงไปโรงพยาบาลจังหวัดตรงนั้น ท่านสามารถจัดการง่ายกว่า เพราะปริมาณไม่เยอะ การดูแลส่วนใหญ่สังกัดเดียวคือภาครัฐ แต่ กทม. เรามีหลายสังกัด ภาคเอกชนเยอะ ทหาร ตำรวจ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลกรมการแพทย์ ฉะนั้นการจัดการของเราและประชาชนกระจายไปตรวจหลายที่

เรื่องน้ำยาตรวจโควิด เห็นว่าร่อยหรอหมด จริงไหม ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ร่อยหรอลงก็จริง แต่มีสำรองเพียงพอบริการประชาชน เพียงแต่ท่านไปใช้บริการบางที่ วันนี้มีข่าวว่าโรงพยาบาลเอกชนบอกว่าน้ำยาหมด แต่จริง ๆ เป็นข้อตกลงว่าถ้าไปตรวจโรงพยาบาลใดแล้วได้ผลเป็นบวก โรงพยาบาลนั้นต้องจัดการหาเตียง ทีนี้พอโรงพยาบาลนั้นมีความสามารถในการจัดหาเตียงได้จำกัดก็ไม่อยากรับตรวจ ถ้าตรวจมาแล้วบวกมาเขาจะหาเตียงไม่ได้

เลยบอกว่าน้ำยาหมดซะงั้น ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ก็อาจเป็นช่วงหนึ่งก่อนเขาพยายามบริหารจัดการ ตรงนี้ภาครัฐ กระทรวงสาธารณสุข เลยจัดการร่วมกับ กทม. ว่าวันนี้ใครก็ตามที่บวกไม่ว่าจะบวกจากสถานที่ใดก็ตาม ส่งมาที่ส่วนกลาง 1669 จะพยายามบริหารจัดการให้โดยเร็วที่สุด

เพิ่งเข้าใจว่าถ้าเตียงเขาไม่พอ เขาจะบอกว่าน้ำยาหมด ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : เป็นข้อตกลง ไม่อย่างนั้นจะมีบางที่ตรวจอย่างเดียวและไม่สามารถเอาผู้ป่วยเข้าได้ และบอกว่าให้ผู้ป่วยไปหาเตียงเอง

ภาพจาก โหนกระแส

การจัดการยิ่งพินาศหรือเปล่า ถ้าโรงพยาบาลบอกแบบนี้จะทำให้คนกลุ่มนั้นย้ายไปโรงพยาบาลที่สอง และจะไปอออยู่ที่นั่น คิวก็จะยาว แต่ถ้าโรงพยาบาลที่หนึ่งเตียงไม่มี เราแจ้งคนเขาเลยได้ไหมว่าตรวจได้แต่ไม่มีเตียงให้นอน วิธีการจัดการต้องเปลี่ยนไปหรือเปล่า แบบนี้จะยิ่งเสียเวลาหรือเปล่า ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : เราเลยพยายามสื่อสารภาครัฐ เพราะปัญหาส่วนใหญ่ตอนนี้เกิดกับภาคเอกชนที่เขามีกำลังและกระจายเยอะ เลยมีคนไปตรวจเยอะ เราก็ต้องสื่อสารกับภาคเอกชนและบริหารแบบนี้ สุดท้ายการบริหารเตียงก็เป็นการบริหารทั้งภาครัฐและเอกชนรวมกัน เราจะช่วยกัน ไม่ว่าท่านไปตรวจที่ไหน ถ้ามีผลบวกแล้ว กองกลางจะช่วย แต่วันนี้สถานที่ไหนรับตรวจก่อนได้ก็ควรมีเตียงบริหารจัดการด้วย เพราะการตรวจโควิดไม่ใช่อยากตรวจก็ตรวจได้เลย ใน พ.ร.บ. เขียนไว้ว่าต้องให้คำแนะนำผู้ป่วยว่ามีความเสี่ยง ผลบวกออกมาจะเป็นอย่างไร ต้องแนะนำผู้ป่วย ไม่ใช่บอกว่าบวกนะไปหาเตียงเอาเอง สิ่งนี้เรากำลังทำอยู่ สร้างความเข้าใจให้ผู้ให้บริการและประชาชนด้วย

ในทวิตเตอร์ น้องคนหนึ่งบอกว่าเขาใช้สิทธิประกันสังคม ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องไปตรวจโรงพยาบาลตามสิทธิหรือโรงพยาบาลรัฐ ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : วันนี้โควิดถ้าท่านเสี่ยง ท่านไปได้ทุกที่ กองทุนอยู่กองกลางแล้ว ถ้ามีความเสี่ยงนะ เหมือนเราอยู่ที่ทำงาน มีโรงพยาบาลที่ใช้ได้ก็ไปได้หมด ไม่จำเป็นต้องไปตามสิทธิ สิทธิข้าราชการ สิทธิบัตรทอง ที่ไหนก็ได้ โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน ที่เขามีใบรับรองการตรวจแล็บจากกรมวิทยาศาสตร์ สามารถตรวจได้หมด เพราะผลแล็บขึ้นในระบบ เขาก็เบิกเงินจากรัฐได้หมด ถ้าท่านมีความเสี่ยงนะ แต่ถ้าผู้ป่วยบอกว่าผมต้องการไปตรวจเองโดยไม่มีอะไรเลย เขาจะจ่ายตังค์เอง และต้องหาโรงพยาบาลตามความพึงพอใจ

ที่พูดมาเหมือนทุกอย่างดูดีไปหมด แต่ความจริงประชาชนไม่ได้เป็นอย่างนั้น มีข้อเสียอะไรที่ต้องไปแก้ไขไหม ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : 1. คือการสื่อสารกับประชาชน วันนี้เองสถานการณ์ของเราเป็นอย่างไร เรามีศักยภาพบริการอย่างไร วันนี้ประชาชนอาจเข้าไม่ถึงตรงนี้ 2. สื่อสารว่าภาครัฐและเอกชนที่ให้บริการ ถ้าผู้ตรวจเป็นบวกต้องทำอย่างไรบ้าง 1 2 3 ตรงนี้เรากำลังทำให้เกิดผลมากที่สุดในเร็ววันนี้ ถ้าบวกต้องทำอย่างไร โทร. 3 เบอร์อย่างที่ว่า 1668, 1669, 1330 เราจะบริหารจัดการเอง ต้องให้นอนโรงพยาบาลครบทุกคนให้ได้ แต่ถ้าท่านเป็นผลลบ แต่เป็นบุคคลเสี่ยง ไม่ได้หมายความว่าท่านลบวันนี้แล้วจะไม่เป็นนะ จำเป็นต้องกักตัวอย่างไร การสื่อสารสำคัญที่สุด

          อีกประการคิดว่าสิ่งที่ประชาชนกังวลคือเรื่องค่าใช้จ่าย ต้องยืนยันว่าผู้ป่วยโควิดทุกคน คนไทยที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าสังกัดอะไร ต้องรักษาฟรีทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ระบบรัฐ ระบบเอกชน สามารถเบิกจากกองทุนส่วนกลางได้หมด

ภาพจาก โหนกระแส

เขาบอกค่าโควิด 14 วัน โรงพยาบาลเอกชนรักษาประมาณ 2 แสน ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : อาจมีส่วนเกินอื่นบ้าง เช่น ต้องการห้องพิเศษส่วนตัว ต้องการอะไรอื่น ๆ อีก

รัฐบาลจ่ายแค่ไหน ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : รัฐจะจ่ายในส่วนที่บริการโควิด และต้องบอกว่ามีข้อตกลง ได้เพิ่มอีก 25 เปอร์เซ็นต์ จากปกติ เป็นข้อตกลงที่โรงพยาบาลเอกชนรับทราบ ถ้าอยากพักห้องดีก็ต้องจ่ายเพิ่ม ไปคุยกับโรงพยาบาลเอกชนนั้น ๆ เองครับ รัฐจะจ่ายเฉพาะบริการส่วนที่เป็นโควิด ที่มีภาวะเพิ่มเติม แทรกซ้อน รัฐจ่ายหมดครับ รับประกันว่ามีในระบบและระเบียบที่เราคุยกันแล้ว

น้องคนหนึ่งส่งมา แกบอกว่าไปตรวจโควิดที่สมุทรสาคร แต่ถูกไล่กลับให้มาตรวจที่กรุงเทพฯ ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ผมไม่แน่ใจ จริง ๆ ประเด็นพวกนี้อยากขอเป็นหลักฐาน จะได้สื่อให้เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร ไปที่โน่นเต็มต้องรอคิว หรือมีปัญหาเรื่องการจัดการเตียง แล้วไปโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน ผมเชื่อว่าขาดความเข้าใจทั้งผู้ให้บริการและประชาชนบางจุด แต่โดยระบบส่วนใหญ่โดยนโยบายของรัฐเราจะดูแลทุกคนเท่าเทียมและให้เข้าถึงบริการให้ได้มากที่สุด ถ้ามีปัญหา 1330, 1668, 1669 ท่านสามารถใช้บริการได้ ถ้าอยู่ต่างจังหวัด 1669 ก็จะไปเข้าสถานบริการของรัฐในจังหวัดนั้น ๆ ครับ

ระหว่างพักเบรกมีคนโทร. มาที่ช่อง 3 บอกโทร. ไป 1669 แต่ 1669 เขาปฏิเสธไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เกิดอะไรขึ้น ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ไม่แน่ใจว่าเป็นของ กทม. หรือต่างจังหวัด 1669 ใน กทม. วันนี้ ทั้งผู้อำนวยการสำนัก กทม. ทั้งผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณที่รับเรื่องฉุกเฉิน และเป็นนโยบายผู้ว่าฯ อัศวิน ด้วย สั่งการแล้ว 1669 เป็นผู้รับจัดหาเตียงให้ผู้ป่วยใน กทม. ทั้งหมด ต้องขออภัยพี่น้องหากมีการประสานที่ติดขัดบ้างในบางราย ผมจะนำไปรายงานให้รับทราบ ขออนุญาตจดชื่อให้ด้วย ขอบพระคุณมากครับ

ภาพจาก โหนกระแส

อาจารย์นคร เรื่องวัคซีน ล่าสุดมีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกวัคซีนที่อยู่ในไทย 2 ยี่ห้อ แอสตร้าเซนเนก้ากับซิโนแวค ไม่มีประสิทธิภาพพอสำหรับคนไทย ?

          อ.นคร : ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกฟังใคร ผมไม่แน่ใจว่าคนที่ให้ข่าวเขาใช้ข้อมูลจากไหนมาอ้างอิง แต่เราใช้ข้อมูลอ้างอิงตามองค์การอนามัยโลก และทางการแพทย์ ผลการทดสอบวัคซีนซิโนแวค ประสิทธิผลในการป้องกันโรคแตกต่างไปตามพื้นที่และประชากรที่ทำการวิจัย ถ้าเอาตัวใดตัวหนึ่งมาแปลความก็จะไม่ครบถ้วน อย่างตุรกีเขาทำในประชากรทั่วไปมีความเสี่ยงโดยเฉลี่ยไม่แตกต่างกัน ประสิทธิผลวัคซีนซิโนแวคอยู่ที่ 83.5 เปอร์เซ็นต์ แต่พอบราซิลไปทำที่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เป็นกลุ่มที่พบเชื้อบ่อย ประสิทธิผลวัคซีนก็ลดลงไปอยู่ที่ 54 เปอร์เซ็นต์ เป็นคำอธิบายอย่างหนึ่ง

          แต่ถ้าตัวคนอาจไปพบเชื้อบ่อยและอยู่สถานที่ที่ไม่ได้มีการหมุนเวียนของอากาศ ก็อาจเกิดโอกาสติดโรคได้มากกว่าประชาชนทั่วไป นี่เป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันโยงไปที่เราตั้งประเด็นคำถามว่าทำไมฉีดแล้วยังป่วยได้ ถ้าเราฉีดวัคซีนแต่ไม่ได้ระมัดระวังตัว ด้านกระทรวงสาธารณสุข และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พูดกันต่อเนื่อง เมื่อได้รับวัคซีนแล้วยังไงก็ต้องคงมาตรการป้องกันตัวเอง มาตรการทางสังคมเหมือนเดิม ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง แต่ถ้าพาตัวเองไปอยู่ในที่มีเชื้อเยอะ อยู่ในที่อากาศปิด มีผู้ป่วยปะปนอยู่ในนั้น โอกาสเกิดโรคก็จะมากกว่าทั่วไป

ทั่วโลกพูดอยู่แล้วว่าวัคซีนได้รับไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันไม่ให้ติด สุดท้ายแล้วคุณมีโอกาสติดเหมือนกัน แต่ทุกอย่างจะทุเลาลง ?

          อ.นคร : อีกอย่างวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าใช้ในการป้องกันการป่วยได้อยู่ที่ค่าเฉลี่ย 70 เปอร์เซ็นต์ ป้องกันอาการรุนแรงได้ 100 เปอร์เซ็นต์ วัคซีนซิโนแวค 100 เปอร์เซ็นต์ มันอาจไม่ได้ป้องกันอาการป่วย เป็นช่วยป้องกันอาการป่วยรุนแรงได้ ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ไม่จำเป็นต้องนอนไอซียู ใส่เครื่องช่วยหายใจ เป็นการลดความเสี่ยงต่อการป่วยลงไป ซึ่งถ้านึกถึงปัญหาโควิด

          ความน่ากลัวคือทำให้ป่วยรุนแรง ถ้าป่วยแบบไข้หวัดทั่วไปพวกเราคงไม่ตื่นตระหนก ไม่เกิดเป็นปัญหาระดับโลกแบบนี้ แต่ปัญหาโควิดคือทำให้มีอาการป่วยรุนแรง อย่างตอนนี้ค่าอยู่ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ประเทศไทยต่ำกว่านั้น การระบาดของโรคถ้ารุนแรงจะมีผู้ป่วยเสียชีวิตเยอะหน่อย เหมือนยุโรป อเมริกา เป็นต้น การป่วยตายอยู่ที่ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่ของไทยอยู่ต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ จะช่วยลดการป่วยและเสียชีวิตลง

ภาพจาก โหนกระแส

เป็นไปได้ไหมจะมีวัคซีนยี่ห้ออื่นเข้ามาในประเทศไทย ?

          อ.นคร : เป็นไปได้ แต่ก็มีปัจจัย คือเขามีวัคซีนอยู่ในมือหรือเปล่า อันนี้เป็นปัจจัยที่ผู้ผลิตวัคซีนเอง เขาไม่ได้มีวัคซีนมากนัก

ท่านสาธิตบอกว่าไม่มีการปิดกั้นให้เอกชนนำวัคซีนเข้ามา แต่เอเย่นต์กับภาคเอกชนเขาตกลงกันไม่ได้เรื่องจริงไหม ?

          อ.นคร : คงไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องไม่มีวัคซีนให้ อย่างล่าสุดจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ขึ้นทะเบียนโดย อย. เมื่อพูดคุยเจรจา โอกาสการส่งมอบได้ก็ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนที่ขึ้นทะเบียน อย. แล้วมีวัคซีนในประเทศไทย ต้องมีอีกสเต็ปคือต้องมีผู้นำเข้า จะนำเข้าได้คือต้องมีวัคซีน

จริง ๆ บริษัทวัคซีนเขาไม่มีวัคซีนให้เพราะต้องการคุยกับภาครัฐเอง ?

          อ.นคร : โดยรวมคือไม่มีวัคซีน ถึงเป็นภาครัฐคุยเองก็ไม่มีวัคซีน เราทำงานประสานงานร่วมกัน ในการประสานจัดหาวัคซีน คุยกันตั้งแต่พฤศจิกายน-ธันวาคม ปีที่แล้ว บริษัทที่เราได้ยินชื่อโมเดอร์น่าจะเป็นไตรมาสหลัง ๆ ทั้งสิ้น ไตรมาสที่ 3-4 ก็อยู่ในการคุยเจรจา

9 ยี่ห้อที่เสนอมาที่ อย. แล้วจริงไหม ?

          อ.นคร : จริง ๆ มีมากกว่านั้น แต่ที่ยื่นแล้วมีการทบทวนแค่ 3 เจ้า ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

บางคนไม่กล้าฉีดวัคซีน กลัว มองยังไง ?

          อ.นคร : วัคซีนทุกตัวมีผลข้างเคียง ไม่ใช่แค่โควิด 19 วัคซีนตัวอื่นก็มี การข้างเคียงคงไม่ใช่ข้อกังวลมาก เรื่องลิ่มเลือดเป็นเรื่องใหม่วงการแพทย์ที่ได้พบ แต่ไม่ได้เกิดที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอย่างเดียว มีรายงานที่ทบทวนอยู่หลายชนิด แม้ที่ได้เห็นข่าว วัคซีนตัวใหม่ ๆ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ก็เริ่มมีรายงานของการเกิดลิ่มเลือด แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยขนาดนั้น 4 ต่อล้านเข็ม ใน 4 คนนั้นอาจมีปัจจัยเกี่ยวข้อง ถ้าเราใช้วิธีการคัดกรองประวัติ ลดความเสี่ยงให้มีการติดตามใกล้ชิด

ภาพจาก โหนกระแส

4 หมายถึงเสียชีวิตหรือแค่ลิ่มเลือด ?

          อ.นคร : แค่อาการลิ่มเลือด แต่ว่าในนั้นก็มีอาการเสียชีวิตได้ด้วย อัตราก็จะต่ำลงมาอีก

สมมติเป็นโควิดแล้วไม่ได้ฉีดวัคซีน อัตราค่าเฉลี่ยในการเสียชีวิตกี่เปอร์เซ็นต์ ?

          อ.นคร : ถ้าในประเทศไทย 2 ใน 1,000

 

ฉะนั้นฉีดน่าจะดีกว่า ?

          อ.นคร : องค์การอนามัยโลกพูดชัดเจน ความเสี่ยงในชีวิตเราทั่วไปมีความเสี่ยง ขับรถไปถนนก็มีความเสี่ยงเสียชีวิต จริง ๆ อัตราการเสียชีวิตบนถนนในประเทศไทยมีมากกว่าการเกิดลิ่มเลือดของวัคซีนโควิด 19

ถ้าฉีดวัคซีนโอกาสแพ้และเสียชีวิต 1 ในล้าน ฉีดก็น่าจะปลอดภัยกว่า ?

          อ.นคร : ประมาณนั้น ตอนนี้ประเทศไทยคนยังไม่ป่วยเป็นโควิด 19 มีจำนวนมาก ทุกคนมีโอกาสป่วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุและมีโรคร่วม อาการป่วยอาจรุนแรงได้ อันนี้คือความกังวลใจ การฉีดวัคซีนก็จะลดความรุนแรงได้ ข้อมูลวัคซีนเปลี่ยนแปลงตลอด ก็ต้องติดตาม อย่างที่บอกว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ากับซิโนแวค ใช้ไม่ได้กับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ก็เป็นเพราะมีข้อมูลเกิดขึ้นในพื้นที่่ช่วงหลัง ๆ ที่ไวรัสมันกลายพันธุ์ แต่ไฟเซอร์ โมเดอร์น่า เขาทำวิจัยและจบไปก่อน ประสิทธิผลก็อยู่ในตอนที่ยังไม่มีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าวัคซีนไฟเซอร์หรือโมเดอร์น่าจะมีผลต่อการป้องกันโรคที่เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่สักเท่าไหร่ ก็ต้องติดตาม

แอสตร้าเซนเนก้าเอาพวกสายพันธุ์ใหม่ได้ ?

          อ.นคร : ยังใช้ในการป้องกันได้ และที่เห็นตอนนี้จากการศึกษา วัคซีนทุกชนิดมีแนวโน้มในการป้องกันโรคลดลง เมื่อเจอไวรัสสายพันธุ์ใหม่ก็เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ท่านรองอยากฝากอะไรสักนิด ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : ถ้าวันนี้ท่านไม่มีปัจจัยเสี่ยง ท่านไม่ต้องไปตรวจ อยู่บ้านดีกว่า หรือจะไปตรวจ ให้เลือกหาโรงพยาบาลรัฐ ถ้าสะดวกไปโรงพยาบาลเอกชน ให้ถามว่ามีเตียงไหม ต้องได้รับการปรึกษาก่อนตรวจเป็นอย่างไร เป็นบวกเป็นลบเป็นอย่างไร สุดท้ายหมายเลข 1330, 1668, 1669 จะช่วยท่านได้

คนป่วยต้องเอาเข้าโรงพยาบาล ไม่ให้กักตัวอยู่บ้าน ?

          นพ.ณัฐพงศ์ : วันนี้โดยหลักการเป็นแบบนั้น เพราะเราป้องกันไม่ให้เขากระจายไปหาเพื่อนบ้านหรือคนในครอบครัว จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ

          ทั้งนี้ สามารถติดตามชมรายการ โหนกระแส โดยมี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33

ภาพจาก โหนกระแส

>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่