นักข่าวดังเผยความจริงอีกมุมของโรงงาน พัทยาฟู้ด ผู้ปลิตปลากระป๋องนอติลุส จับพนักงานตรวจโควิด 19 เองทั้งหมด กักตัวล่วงหน้านานแล้ว ตอนนี้ใกล้ครบ 14 วัน และกล้าเปิดเผยชื่อโรงงาน ไม่มีหมกเม็ด ยืนยัน ปลากระป๋องกินได้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nautilus Thailand
จากกรณีที่มีการตรวจพบว่า พนักงานบริษัท พัทยาฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด
ซึ่งเป็นผู้ผลิตปลากระป๋องยี่ห้อนอติลุส ติดโควิด 19 กว่า 900 คน
โดยเรื่องนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมและความหวั่นใจของประชาชนว่า
สินค้ามีปัญหาหรือไม่
แต่ทางบริษัทก็ได้ออกมาชี้แจงเบื้องต้นว่ามีการจัดการที่ได้มาตรฐาน
รวมถึงสั่งกักตัวพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงแล้ว
อ่านข่าว : พัทยาฟู้ด ผู้ผลิตนอติลุส รับคนงานติด โควิด 900 คน จริง - เข้มหยุดสายการผลิต
อ่านข่าว : พัทยาฟู้ด ผู้ผลิตนอติลุส รับคนงานติด โควิด 900 คน จริง - เข้มหยุดสายการผลิต
1. โรงงานดังกล่าว ออกเงินค่าตรวจโควิด 19 เองทั้งหมด และใช้วิธีการตรวจทางโพรงจมูก ทำอย่างเปิดเผยและรายงานตัวเลขให้ทางการทราบ
2. โรงงานนี้ปิดไลน์การผลิตตั้งแต่ก่อนปีใหม่ และมีการฆ่าเชื้อ กักตัวพนักงานเอาไว้แล้ว ตอนนี้กำลังครบ 14 วัน ทำให้ความน่ากังวลใจลดลง
3. อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ คนงานโรงงานอื่น ๆ ที่กำลังเงียบอยู่ต่างหาก ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีคนติดโควิด ขณะเดียวกัน ยังมีโรงงานในพื้นที่ที่ตรวจน้อยมาก รอรัฐออกค่าใช้จ่าย ต้องรอคิวนาน
4. ข้อเสนอแนะคือ รัฐควรเพิ่มจำนวนการตรวจโรงงานในพื้นที่เสี่ยงให้เร็วที่สุด และรายงานตรงไปตรงมา
5. โรงงานที่มีศักยภาพในการตรวจ ก็สามารถตรวจได้เลย ไม่ต้องรอรัฐ ให้แยกคนไม่ติดโควิด 19 ออกจากกัน แล้วรีบทำความสะอาดโรงงาน รอวันเปิดอีกครั้งเมื่อพร้อม และต้องสร้างความเชื่อมั่นประชาชนด้วย
6. ยืนยันว่า ปลากระป๋องทุกยี่ห้อกินได้ เพราะผ่านความร้อนมาแล้วตามมาตรฐาน ไม่ควรกังวลในการรับประทาน
ทั้งนี้ การที่โรงงานพัทยาฟู้ด ได้สร้างมาตรฐาน ยอมออกเงินเพื่อให้พนักงานได้รับการตรวจโรคนี้อย่างทั่วถึง เพราะพื้นที่ตั้งของโรงงานอยู่ใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงสุด และเมื่อรู้แล้วว่ามีพนักงานติดโรค ก็สั่งให้มีการกักตัวและสังเกตอาการ รวมทั้งการหยุดสายการผลิต แม้จะเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเมื่อข่าวออกไป ก็อาจทำให้บริษัทเสียภาพลักษณ์ แต่นับว่าการกระทำครั้งนี้ เป็นการรับผิดชอบต่อทั้งชีวิตพนักงานและรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยิ่ง

>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Apirak Harn