โรงพยาบาลรามาธิบดี ประกาศมาตรการณ์ป้องกัน โรคโควิด 19 โดยลดจำนวนผู้ป่วย รับเฉพาะเคสฉุกเฉินเท่านั้น เลื่อนผ่าตัดและให้คีโม เว้นเคสจำเป็น
ภาพจาก PITAKSUNTI / Shutterstock.com
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เผยแพร่ประกาศ เรื่อง มาตรการรองรับกรณีเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับที่ 19 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยจะรับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น สำหรับผู้ป่วยที่มีนัดจะถูกเลื่อนออกไปก่อน เลื่อนการผ่าตัด และเลื่อนการให้คีโมด้วยเช่นกัน
เนื้อความหลักในประกาศ มีดังนี้
เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรของคณะฯ ในสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด 19 จึงขอปรับมาตรการรองรับสถานการณ์ดังกล่าว เพิ่มเติมจากมาตรการฯ ฉบับที่ 18 และขอแจ้งแนวทางปฏิบัติทั้งระบบผู้ป่วยสามัญและระบบผู้ปวยพิเศษ ดังนี้
การบริการผู้ป่วยนอก
- ขอให้ปรับลดการให้บริการผู้ป่วยนอก
- เลื่อนนัดผู้ป่วยที่ไม่เร่งด่วนออกไป เป็นระยะเวลา 1 - 3 เดือน ตามความรุนแรงของความเจ็บป่วย โดยใช้ Telemedicine/ทางโทรศัพท์ และการส่งยาทางไปรษณีย์
- นัดผู้ป่วยมาตรวจที่โรงพยาบาล เฉพาะในรายที่จำเป็น
การบริการผ่าตัด/หัตถการ/ตรวจทางรังสีวิทยา
1. กรณี Elective Case
- ผู้ป่วยได้รับการวินิฉัยว่าป่วยเป็นโรคโควิด-19 หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ให้เลื่อนนัดตามความเหมาะสม
2. ผู้ป่วยที่ต้องใช้การระงับความรู้สึกวิธี Local Anesthesia
- ควรเลื่อนผู้ป่วยที่ไม่เร่งด่วนออกไป 1 - 3 เดือน และรอดูสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 หรือเมื่อมีภาวะเร่งด่วนของโรค
- กรณีโรคเร่งด่วน ให้บุคลากรฯและผู้ป่วยต้องสวม surgical mask ตลอดเวลาระหว่างการผ่าตัด/หัตถการ/ตรวจรักษาทางรังสีวิทยา
3.กรณีที่ให้การระงับความรู้สึกโดยวิธี General Anesthesia หรือเป็น Potential GA. หรือหัตถการประเภท Aerosol-Generating Procedure
- ให้เลื่อนนัดที่ไม่เร่งด่วนออกไป 1 - 3 เดือน และรอดูสถานการณ์การระบาด หรือเมื่อมีภาวะเร่งด่วนของโรค
- กรณีที่จำเป็นต้องรักษาตามนัด ผู้ป่วยทุกรายจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี nose swab 1 วัน ก่อนเข้ารับการรักษา โดยจะทำที่ ARi Clinic ระหว่าง เวลา 06.00 - 08.00 น.
ผู้ป่วยที่จะต้องได้รับยาเคมีบำบัด
1. ถ้าสามารถเลื่อนได้ ให้เลื่อนไปนานเท่าที่ได้
2. ถ้าเลื่อนไม่ได้ ให้คัดกรองประวัติสัมผัสโรค ทั้งผู้ป่วย ญาติและอาการ
- หากไม่มีความเสี่ยงใด ๆ อาจให้มารับเคมีบำบัดตามกำหนดได้
- หากมีความเสี่ยงแต่ไม่มีอาการ ให้ส่งตรวจหาเชื้อโคโรนาไวรัส ด้วยวิธี nose swab ถ้าตรวจไม่พบการติดเชื้อ พิจารณาให้ยาเคมีบำบัดได้
- หากมีอาการ ให้ส่งตรวจหาเชื้อด้วยวิธี nose swab และ ตรวจเสมหะ RP33 หากไม่พบเชื้อก่อโรคที่อาจเป็นอันตราย ให้เลื่อนการให้เคมีบำบัดออกไปก่อนจะพ้นระยะแพร่เชื้อ และผู้ป่วยความเสี่ยงอันตรายจากโรคนั้นติดเชื้อนั้นแล้ว
ทั้งนี้ผู้ป่วยมะเร็งและญาติต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
การบริการผู้ป่วยในและรับส่งต่อ
- ขอให้ลดจำนวนผู้ป่วยในเท่าที่จำเป็น
- ขอให้ลดจำนวนผู้ป่วยรับส่งต่อเท่าที่จำเป็น เว้นต่อการรับส่งต่อผู้ป่วยตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข
- ผู้ป่วยที่ต้องทำ Endotracheal tube intubation หรือต้องทำหัตถการประเภท aerosol generating procedure ฉุกเฉิน ให้สวมใส่ Personal Protective Equipment (PPE) ตามแนวทางที่คณะฯ กำหนดไว้ โดยหากเป็นผู้ป่วยที่รับการรักษาในโรงพยาบาลอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่มีความเสี่ยงและไม่มีลักษณะใดที่เข้าเกณฑ์ COVID-19 สามารถใส่ endotracheal tube และทำหัตถการไปตามมาตรฐานปกติ แต่กรณีผู้ป่วยใหม่ที่ยังไม่ทราบแน่ชัดอาจใช้ protocol สำหรับผู้ป่วย COVID 19 ได้ตามความเหมาะสมจ. การเตรียมการของภาควิชา / หน่วยงาน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะแจ้งเปลี่ยนแปลง และขอให้ติดตามแนวปฏิบัติของคณะกรรมการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลของคณะฯ เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับล่าสุดที่จะปรับให้เป็นปัจจุบันตามสถานการณ์
ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลรามาธิบดี
ภาพจาก PITAKSUNTI / Shutterstock.com
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เผยแพร่ประกาศ เรื่อง มาตรการรองรับกรณีเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับที่ 19 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยจะรับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น สำหรับผู้ป่วยที่มีนัดจะถูกเลื่อนออกไปก่อน เลื่อนการผ่าตัด และเลื่อนการให้คีโมด้วยเช่นกัน
เนื้อความหลักในประกาศ มีดังนี้
เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรของคณะฯ ในสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด 19 จึงขอปรับมาตรการรองรับสถานการณ์ดังกล่าว เพิ่มเติมจากมาตรการฯ ฉบับที่ 18 และขอแจ้งแนวทางปฏิบัติทั้งระบบผู้ป่วยสามัญและระบบผู้ปวยพิเศษ ดังนี้
การบริการผู้ป่วยนอก
- ขอให้ปรับลดการให้บริการผู้ป่วยนอก
- เลื่อนนัดผู้ป่วยที่ไม่เร่งด่วนออกไป เป็นระยะเวลา 1 - 3 เดือน ตามความรุนแรงของความเจ็บป่วย โดยใช้ Telemedicine/ทางโทรศัพท์ และการส่งยาทางไปรษณีย์
- นัดผู้ป่วยมาตรวจที่โรงพยาบาล เฉพาะในรายที่จำเป็น
การบริการผ่าตัด/หัตถการ/ตรวจทางรังสีวิทยา
1. กรณี Elective Case
- ผู้ป่วยได้รับการวินิฉัยว่าป่วยเป็นโรคโควิด-19 หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ให้เลื่อนนัดตามความเหมาะสม
2. ผู้ป่วยที่ต้องใช้การระงับความรู้สึกวิธี Local Anesthesia
- ควรเลื่อนผู้ป่วยที่ไม่เร่งด่วนออกไป 1 - 3 เดือน และรอดูสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 หรือเมื่อมีภาวะเร่งด่วนของโรค
- กรณีโรคเร่งด่วน ให้บุคลากรฯและผู้ป่วยต้องสวม surgical mask ตลอดเวลาระหว่างการผ่าตัด/หัตถการ/ตรวจรักษาทางรังสีวิทยา
3.กรณีที่ให้การระงับความรู้สึกโดยวิธี General Anesthesia หรือเป็น Potential GA. หรือหัตถการประเภท Aerosol-Generating Procedure
- ให้เลื่อนนัดที่ไม่เร่งด่วนออกไป 1 - 3 เดือน และรอดูสถานการณ์การระบาด หรือเมื่อมีภาวะเร่งด่วนของโรค
- กรณีที่จำเป็นต้องรักษาตามนัด ผู้ป่วยทุกรายจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี nose swab 1 วัน ก่อนเข้ารับการรักษา โดยจะทำที่ ARi Clinic ระหว่าง เวลา 06.00 - 08.00 น.
ผู้ป่วยที่จะต้องได้รับยาเคมีบำบัด
1. ถ้าสามารถเลื่อนได้ ให้เลื่อนไปนานเท่าที่ได้
2. ถ้าเลื่อนไม่ได้ ให้คัดกรองประวัติสัมผัสโรค ทั้งผู้ป่วย ญาติและอาการ
- หากไม่มีความเสี่ยงใด ๆ อาจให้มารับเคมีบำบัดตามกำหนดได้
- หากมีความเสี่ยงแต่ไม่มีอาการ ให้ส่งตรวจหาเชื้อโคโรนาไวรัส ด้วยวิธี nose swab ถ้าตรวจไม่พบการติดเชื้อ พิจารณาให้ยาเคมีบำบัดได้
- หากมีอาการ ให้ส่งตรวจหาเชื้อด้วยวิธี nose swab และ ตรวจเสมหะ RP33 หากไม่พบเชื้อก่อโรคที่อาจเป็นอันตราย ให้เลื่อนการให้เคมีบำบัดออกไปก่อนจะพ้นระยะแพร่เชื้อ และผู้ป่วยความเสี่ยงอันตรายจากโรคนั้นติดเชื้อนั้นแล้ว
ทั้งนี้ผู้ป่วยมะเร็งและญาติต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
การบริการผู้ป่วยในและรับส่งต่อ
- ขอให้ลดจำนวนผู้ป่วยในเท่าที่จำเป็น
- ขอให้ลดจำนวนผู้ป่วยรับส่งต่อเท่าที่จำเป็น เว้นต่อการรับส่งต่อผู้ป่วยตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข
- ผู้ป่วยที่ต้องทำ Endotracheal tube intubation หรือต้องทำหัตถการประเภท aerosol generating procedure ฉุกเฉิน ให้สวมใส่ Personal Protective Equipment (PPE) ตามแนวทางที่คณะฯ กำหนดไว้ โดยหากเป็นผู้ป่วยที่รับการรักษาในโรงพยาบาลอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่มีความเสี่ยงและไม่มีลักษณะใดที่เข้าเกณฑ์ COVID-19 สามารถใส่ endotracheal tube และทำหัตถการไปตามมาตรฐานปกติ แต่กรณีผู้ป่วยใหม่ที่ยังไม่ทราบแน่ชัดอาจใช้ protocol สำหรับผู้ป่วย COVID 19 ได้ตามความเหมาะสมจ. การเตรียมการของภาควิชา / หน่วยงาน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะแจ้งเปลี่ยนแปลง และขอให้ติดตามแนวปฏิบัติของคณะกรรมการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลของคณะฯ เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับล่าสุดที่จะปรับให้เป็นปัจจุบันตามสถานการณ์
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลรามาธิบดี