เกิดเหตุสลดที่โรงพยาบาลในตุรกี เครื่องช่วยหายใจสำหรับรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ระเบิดไฟลุกท่วม คร่าชีวิตผู้ป่วยในไอซียู 9 ราย เร่งหาสาเหตุ
วันที่ 19 ธันวาคม 2563 บีบีซี รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 ธันวาคม 2563 เกิดเหตุสุดสลดขึ้นที่โรงพยาบาลเอกชนมหาวิทยาลัยซันโก ในเมืองกาซีอันเตป ประเทศตุรกี เมื่อเครื่องช่วยหายใจ สำหรับใช้รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ในแผนกผู้ป่วยวิกฤต เกิดระเบิดขึ้นตามมาด้วยเพลิงไหม้
รายงานเผยว่า แม้ว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัย สามารถเข้าระงับเหตุได้ในเวลารวดเร็ว แต่เหตุดังกล่าวส่งผลให้ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต จำนวน 9 ราย อายุระหว่าง 56-85 ปี แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมจากเพลิงไหม้
ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุ ผู้ป่วยอีกหลายรายที่อยู่ในแผนกดังกล่าวถูกย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ขณะที่ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัดของการระเบิดในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่ได้แถลงแสดงความเสียใจต่อทางครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาอย่างเร่งด่วนและเต็มความสามารถ
สำหรับประเทศตุรกี ล่าสุด มีรายงานผู้ป่วย COVID-19 เกือบ 2,000,000 ราย และเสียชีวิตแล้ว 17,610 ราย
ขอบคุณข้อมูลจาก BBC

วันที่ 19 ธันวาคม 2563 บีบีซี รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 ธันวาคม 2563 เกิดเหตุสุดสลดขึ้นที่โรงพยาบาลเอกชนมหาวิทยาลัยซันโก ในเมืองกาซีอันเตป ประเทศตุรกี เมื่อเครื่องช่วยหายใจ สำหรับใช้รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ในแผนกผู้ป่วยวิกฤต เกิดระเบิดขึ้นตามมาด้วยเพลิงไหม้
รายงานเผยว่า แม้ว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัย สามารถเข้าระงับเหตุได้ในเวลารวดเร็ว แต่เหตุดังกล่าวส่งผลให้ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต จำนวน 9 ราย อายุระหว่าง 56-85 ปี แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมจากเพลิงไหม้
ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุ ผู้ป่วยอีกหลายรายที่อยู่ในแผนกดังกล่าวถูกย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ขณะที่ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัดของการระเบิดในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่ได้แถลงแสดงความเสียใจต่อทางครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาอย่างเร่งด่วนและเต็มความสามารถ
สำหรับประเทศตุรกี ล่าสุด มีรายงานผู้ป่วย COVID-19 เกือบ 2,000,000 ราย และเสียชีวิตแล้ว 17,610 ราย
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก BBC