ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นำเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในร้าน 3 วัน 2 คืน สาขาพระราม 5 พร้อมสั่งกักตัวพนักงานและคนใกล้ชิด พร้อมสั่งปิดร้าน 3 วัน หลังดีเจร้านติดโควิด-19
จากกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 เป็นเพศชาย อาชีพดีเจร้านอาหาร ซึ่งตรวจพบขณะถูกคุมขังในเรือนจำทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เบื้องต้นเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ แต่มีการทำงานที่สถานบันเทิง 3 แห่ง ย่านสาขาพระราม 3, พระราม 5 และ ถ.ข้าวสาร ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้นอ่านข่าว : เปิดไทม์ไลน์ นักโทษติด โควิด 19 ก่อนเข้าเรือนจำ ทำงานร้านอาหาร - เป็นดีเจ ! ล่าสุด (4 กันยายน 2563)
เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ทำทีมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบยังร้าน 3 วัน 2 คืน สาขาพระราม 3 เมื่อคืนที่ผ่านมา (3 กันยายน) เพื่อดำเนินการทำความสะอาดฆ่าเชื้อ และเชิญตัวพนักงานร้านกักตัว
โควิด-19 เนื่องจากตกเป็นผู้สุ่มเสี่ยง
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้กำหนดมาตรการออกมา 4 ข้อ ได้แก่... 1. มีคำสั่งให้ร้าน 3 วัน 2 คืน สาขาพระราม 5 ปิดให้บริการเป็นเวลา 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (4-6 กันยายน) เพื่อทำการฉีดพ่นยาภายในร้าน
2. ให้พนักงานบริการในร้านทั้งหมดเข้ากักตัวกับศูนย์ของรัฐที่จัดเตรียมไว้เป็นเวลา 14 วัน เพื่อเฝ้าดูอาการ
3. ให้ครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดพนักงานกักตัวเองอยู่ที่บ้าน
4. ให้ผู้ที่เข้าไปใช้บริการที่ร้าน 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่ก่อนวันที่ 26 สิงหาคม เฝ้าระวังตัวเอง ถ้ารู้สึกว่ามีอาการป่วยเป็นไข้ ให้เข้าไปตรวจที่ศูนย์คัดกรองของโรงพยาบาลบางกรวย 2 ทันที
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ดำเนินการพาตัวพนักงานร้าน จำนวน 10 คน ไปกักตัวแล้ว ส่วนที่เหลือจะเดินทางตามมาภายหลัง ซึ่งในวันนี้ เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ทำความสะอาดฆ่าเชื้อที่ร้านต่อเนื่องอีกครั้ง
ขณะที่
ไทยพีบีเอส รายงานเพิ่มเติมในส่วนของร้านเฟิร์สคาเฟ่ ถ.ข้าวสาร ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา
(3 กันยายน) ร้านปิดให้บริการเช่นกัน
แต่บรรยากาศบนถนนข้าวสารยังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาเที่ยวที่ตามปกติ
และพบว่าบางคนก็ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย
และร้านก็ไม่ได้มีการจัดโต๊ะให้เว้นระยะห่างกันมากนัก
โดย
แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข
เปิดเผยผลสำรวจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
เกี่ยวกับพฤติกรรมการป้องกันตัวเองของประชาชน ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม -
27 สิงหาคม ที่ผ่านมา
พบว่าภาพรวมพฤติกรรมการป้องกันตัวเองของประชาชนลดลงต่อเนื่อง
เหลือเพียงร้อยละ 73.6 ซึ่งต่ำที่สุดตั้งแต่ดำเนินมาตรการมาในทุกพฤติกรรม
ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า การล้างมือ และเว้นระยะห่าง
ที่ลดลง รวมถึงการรวมกลุ่มทางสังคม
และการเดินทางออกนอกจังหวัดที่พบแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก
เดลินิวส์ออนไลน์,
ไทยพีบีเอส