หมอยง เผยภูมิต้านทาน โควิด 19 อยู่ได้ไม่นาน หายแล้วอาจเป็นซ้ำ-มีสิทธิ์แพร่เชื้อ

          หมอยง เผยโควิด 19 สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ พร้อมยกเคสตัวอย่างผู้ป่วยที่ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ชี้อาการจะไม่รุนแรง แต่จะเป็นผู้แพร่กระจายเชื้อ



          วันที่ 27 สิงหาคม 2563 ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคระบาด โควิด 19 ผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า โรคโควิด-19 ผู้ที่เคยป่วยแต่รักษาตัวหายแล้ว สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ โดยยกตัวอย่างที่พบเป็นผู้ป่วยในประเทศฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ที่กลับมาเป็นซ้ำ สืบเนื่องจากสายพันธ์ุเป็นคนละสายพันธุ์

          แต่ยืนยันว่า หากกลับมาป่วยซ้ำ อาการจะไม่รุนแรง มีอาการน้อย หรือเป็นเพียงแค่หวัดเท่านั้น แต่จะเป็นผู้แพร่กระจายเชื้อ ซึ่งผู้ที่เสี่ยงกลับมาเป็นซ้ำจัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นครั้งแรกแล้วมีอาการมาก หรือมีอาการปอดบวม

          โดยหมอยง ระบุว่า "การติดเชื้อซ้ำครั้งที่ 2 มีข้อมูลการติดเชื้อซ้ำครั้งที่ 2 จากฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ซึ่งการติดเชื้อที่ฮ่องกง แสดงได้ชัดเจนว่าการติดเชื้อครั้งแรก เป็นสายพันธุ์ V การติดเชื้อครั้งที่ 2 เป็นสายพันธุ์ G คนละสายพันธุ์กับครั้งแรก

          การติดเชื้อห่างกัน 4 เดือนครึ่ง ในการติดเชื้อครั้งแรก มีการตรวจวัดภูมิต้านทาน ไม่สามารถตรวจพบภูมิต้านทานในช่วง 10 วันแรกของการติดเชื้อครั้งแรก มาตรวจอีกครั้งหนึ่ง ใน 3 วันแรก ของการติดเชื้อครั้งที่ 2 ก็ยังไม่พบภูมิต้านทาน โดยภูมิต้านทานเริ่มเกิดขึ้นหลังวันที่ 5 ไปแล้ว ของการติดเชื้อครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตามทั้ง 3 รายที่ติดเชื้อในประเทศต่าง ๆ ซ้ำครั้งที่ 2  มีอาการไม่รุนแรง

          ไวรัสโคโรนา ที่พบในโรคทางเดินหายใจตัวอื่น ภูมิต้านทานเกิดขึ้นไม่ได้อยู่ยาวนาน ก็พบว่าเป็นแล้วเป็นซ้ำได้อีก ภูมิต้านทานของ covid 19 จากการศึกษาของศูนย์ไวรัสในผู้ที่ติดเชื้อแล้ว หลัง 4 สัปดาห์ ตรวจไม่พบประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการน้อย มีภูมิต้านทานจะสูง ในผู้ที่มีอาการมากหรือมีปอดบวม การกลับมาติดเชื้อซ้ำไหม จึงมีความเป็นไปได้ โดยเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อแล้วมีภูมิต้านทานต่ำ หรือตรวจไม่พบภูมิต้านทานเกิดขึ้น

          ในการกลับมาเป็นซ้ำใหม่ ถ้ามีอาการน้อย หรือเป็นเพียงแค่หวัดก็น่าจะยอมรับได้ แต่ที่สำคัญจะเป็นผู้แพร่กระจายเชื้อ ยังต้องมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดมากกว่านี้

          ข้อมูลดังกล่าว จะมีผลต่อการศึกษาในบทบาทของวัคซีนในการป้องกันโรค การศึกษาระบบภูมิต้านทาน และการคงอยู่ของระบบภูมิต้านทานของ โควิด 19 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการป้องกันโรคด้วยวัคซีนที่จะมีมาในอนาคต"


ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan