ทารก 2 เดือน มีอาการเสี่ยงเข้าข่าย COVID-19 มีไข้ ปอดพบเสมหะอื้อ แต่สุดท้ายสาธารณสุขจังหวัด กลับไม่ให้ตรวจ หมอซัด หากยังทำงานแบบนี้อยู่ระลอกสองมาแน่ ๆ แถมให้คนไม่รู้เรื่องมาคุมอำนาจอีก

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Usah Pruttijirawong
วันที่ 30 เมษายน 2563 เฟซบุ๊ก Usah Pruttijirawong ของ นพ.อุสาห์
พฤฒิจิระวงศ์ มีการโพสต์เรื่องราวของเด็กชายวัย 2 เดือน ซึ่งป่วยมีไข้ 37.2
องศาเซลเซียส ไอมีเสมหะ เมื่อเอกซเรย์ปอด ก็พบเสมหะเต็มไปหมด
อาการเหล่านี้สามารถระบุว่าเข้าข่ายเป็นโควิด 19 ได้ เพราะเด็ก 2 เดือนมักอยู่ในท่านอน
ตรงกันข้ามกับเด็กโตที่อยู่ในแนวตั้งมากกว่าแนวนอน
ดังนั้น ปอดของคนป่วยโควิด-19 จึงพบกลีบล่างมากกว่ากลีบบน
ขณะเดียวกัน ทารกรายนี้ ก็ดื่มนมแม่ที่ทำอาชีพเป็นแม่บ้านอยู่บ้าน ส่วนพ่อทำงานนับตู้คอนเทนเนอร์ เรือสินค้าที่มาจากต่างประเทศ แม้ผลตรวจของพ่อและแม่จะปกติ แต่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ เพราะไม่มีหมอที่ไหนจะสรุปว่า ไม่มีไข้แสดงว่าไม่ป่วย ต่อมา ได้ส่งเรื่องขอส่งเด็กตรวจ COVID 19 กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด แต่อีกฝ่ายมองว่า ไม่เข้าเกณฑ์ จึงไม่ให้ส่งตรวจ PCR
ขณะเดียวกัน ทารกรายนี้ ก็ดื่มนมแม่ที่ทำอาชีพเป็นแม่บ้านอยู่บ้าน ส่วนพ่อทำงานนับตู้คอนเทนเนอร์ เรือสินค้าที่มาจากต่างประเทศ แม้ผลตรวจของพ่อและแม่จะปกติ แต่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ เพราะไม่มีหมอที่ไหนจะสรุปว่า ไม่มีไข้แสดงว่าไม่ป่วย ต่อมา ได้ส่งเรื่องขอส่งเด็กตรวจ COVID 19 กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด แต่อีกฝ่ายมองว่า ไม่เข้าเกณฑ์ จึงไม่ให้ส่งตรวจ PCR
นอกจากนี้ นพ.อุษา ยังได้วิจารณ์ถึงระบบการทำงานระหว่างหมอที่ดูคนไข้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอีกว่า คนที่มีหน้าที่สัมผัสกับผู้ป่วยกลับส่งตรวจเองไม่ได้ ต้องให้คนที่ไม่รู้เรื่องคนป่วยมาอนุมัติ แถมคนใหญ่โต ก็ดูภูมิใจที่สถิติผู้ติดเชื้อน้อย แต่คนหน้างานกลับไม่พอใจในมาตรการควบคุมการตรวจโรค ถ้าหากยังเป็นแบบนี้อยู่ ระวังโรคกลับมาระบาดระลอกสองแน่
อย่างไรก็ตาม นพ.อุษา ระบุอีกว่า ตนไม่ยืนยันว่าเด็กคนดังกล่าวจะติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือไม่ ถ้าหากใช่ ก็ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าระลอกสองกำลังจะมา ถ้าหากมาจริง และการสนับสนุนการทำงานยังคงเป็นแบบนี้ หมอ-พยาบาล อาจจะขอกักตัวเองอยู่บ้านแทนก็เป็นได้ และเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ชี้ว่าใครผิดใครถูก แต่อยากบ่งบอกว่า กระบวนการทำงานที่ให้อำนาจคนที่ไม่รู้เรื่องโรคมาเพิ่มแรงกดดันด้านหลังของหมอ พยาบาล ส่วนคนไข้และสังคมก็กดดันจากด้านหน้า จะมีใครรู้บ้างว่าคนทำงานโดนกดดันเช่นนี้อยู่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Usah Pruttijirawong
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่