เผย ผู้ป่วยโควิด 19 รายที่ 5 และ 6 ที่ติดจากลูกชาย หลังกลับจากบาห์เรน เป็นตัวอย่างของผลร้ายในการไม่กักตัว 14 วัน ทำคนรอบข้างเดือดร้อน วอนทุกคนให้ความร่วมมืออย่างเคร่งครัด
จากกรณี จ.ขอนแก่น พบผู้ติดเชื้อ Covid 19 รายที่ 5 เป็นหญิงวัย 63 ปี ติดเชื้อจากลูกชาย วัย 38 ปี ที่เพิ่งกลับจากประเทศบาห์เรน แต่ไม่แสดงอาการระหว่างกักตัว 14 วัน จึงเดินทางไปพัทยา พร้อมเพื่อนต่ออีก 10 วัน และเดินทางกลับมา จ.ขอนแก่น ในวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา จากนั้นผู้เป็นแม่เริ่มมีอาการป่วยจึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ แต่ไม่ดีขึ้น ญาติจึงส่งไปที่โรงพยาบาลน้ำพอง ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน ก่อนส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลขอนแก่น และได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด 19 ทำให้ทางผู้ว่าฯ ต้องสั่งกักตัวแพทย์และพยาบาล รวมกว่า 80 คน ที่มีประวัติใกล้ชิดผู้ป่วยรายที่ 5 นั้น
อ่านข่าว : ขอนแก่นวุ่น ! สั่งกักตัวหมอ-พยาบาล 80 คน ใกล้ชิดป้า 63 ติด โควิด 19
ล่าสุด (16 เมษายน 2563) มีรายงานว่า ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น แถลงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย คือ สามีผู้ป่วยรายที่ 5 ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมในจังหวัดรวมเป็น 6 รายแล้ว
ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Aum Sureewan ซึ่งเป็นคุณหมอ ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกุดน้ำใส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบผู้ป่วยรายที่ 5 และ 6 ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ยกเคสนี้เป็นตัวอย่างของการไม่ให้ความสำคัญในการกักตัว จนทำให้คนรอบข้างต้องเดือดร้อน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Aum Sureewan
หนำซ้ำตอนนี้ผู้ป่วยรายที่ 5 หรือแม่ของคุณ อาการโคม่า ส่วนพ่อของคุณยังตอบสนองได้ดีต่อการรักษา แต่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น
ถือเป็นกรณีตัวอย่างได้ดีมาก ในเรื่องของการให้ความสำคัญของการกักตัวเอง 14 วัน อย่างเคร่งครัดและไม่ปกปิดข้อมูล
อยากให้ทุกคนร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบโรค และแจ้งข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าดูแคลนเจ้าหน้าที่ ยกตนข่มท่าน ฉันไม่ได้ป่วย ฉันกักตัวมาแล้ว ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง ทุกคำพูดเหล่านี้ ทำให้พ่อแม่ คนที่คุณรัก อาจจะต้องมาเสียชีวิต เพราะความมักง่ายและเห็นแก่ตัวของคุณ
นอกจากนี้ คุณหมอบอกด้วยว่า การใส่ชุดแบบนี้ เดินตามบ้าน ทุ่งนา กลางแดดเปรี้ยง ๆ มันไม่สนุกเลย หากคิดว่าเราไม่เดือดร้อน ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเราได้เบี้ยเลี้ยง บอกเลยคิดผิด เพราะจริง ๆ ไม่มีเบี้ยเลี้ยงใด ๆ แม้แต่ชุด วัสดุอุปกรณ์ ยังขอรับบริจาค แล้วตอนนี้บุคลากรทางการแพทย์ 1 คน ต้องดูแลประชากรหลักหมื่น คิดว่าเราจะทนแรงต้านไหวไหม
สุดท้ายแล้ว เราทุกคนก็ต้องสู้ต่อ เพราะมันคือหน้าที่ ไม่ไหวเมื่อไรก็แค่ตาย แต่ตนขอตายโดยที่ให้ญาติได้นิมนต์พระมาสวด ให้ญาติได้เห็นหน้าก่อนเผา ให้ญาติได้ยินเสียงร่ำลา ให้เราได้กอดกันจนวินาทีสุดท้าย ตนไม่อยากตายแบบโควิด 19 จากเสียงของบุคลากรเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีเจตนาตำหนิใครหรือว่าใคร แค่อยากยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจน และอยากให้ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมา...
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Aum Sureewan
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
>>อาการโควิด 19 เป็นอย่างไร ไขคำตอบ<<