ครม. ไฟเขียว พ.ร.ก. 3 ฉบับ อนุมัติวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท แก้ปัญหา COVID-19 ทุกมิติ - บิ๊กตู่ ยกเป็นวาระแห่งชาติ วอนเห็นใจรัฐบาลทำงานคนหมู่มาก ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
วันที่ 7 เมษายน 2563 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ระบุว่า มีมติเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ชุดที่ 3 รวมวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท
โดยมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจชุดที่ 3 นั้น ประกอบด้วย พ.ร.บ. 1 ฉบับ และ พ.ร.ก. 3 ฉบับ ได้แก่
1. การจัดทำ พ.ร.บ.การโอนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
2563 มาเติมให้กับงบกลาง เพื่อสามารถนำออกมาใช้ได้ โดยคาดว่า
ก้อนแรกจะสามารถโอนมาได้ 80,000-100,000 ล้านบาท มาเติมงบกลางที่เหลืออยู่
3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จะสามารถดำเนินการได้ต้องเสนอ พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว
เพื่อขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาก่อน
คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน
2. การออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 5 แสนล้านบาท (ซอฟต์โลน) ซึ่งเป็นการบริหารเงินการคลัง ไม่ใช่การกู้ยืมเงิน แต่เป็นการเพิ่มอำนาจในการจัดสรรงบประมาณ
3. การออก พ.ร.ก.เงินกู้ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ไม่เกินวงเงิน 1 ล้านล้านบาท แหล่งที่มาเงินสกุลบาทภายในประเทศ กำหนดเวลาการกู้ต้องให้เสร็จภายใน 30 กันยายน 2564 หรือ 1 ปี 6 เดือน ทั้งนี้ จะไม่เป็นการกู้ครั้งเดียว แต่เป็นการทยอยกู้ตามวัตถุประสงค์ การใช้งบประมาณ เพื่อดูแลและเยียวยาเศรษฐกิจและผู้ได้รับผลกระทบ แบ่งเป็นด้านสาธารณสุข ใช้เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 6 แสนล้านบาท และที่เหลืออีก 4 แสนล้านบาท จะนำมาพัฒนาเศรษฐกิจ โดยสามารถโอนย้ายระหว่างกันได้
4. พ.ร.ก.ดูแลเสถียรภาพภาคการเงิน 4 แสนล้านบาท ด้วยการตั้งกองทุนรวม Corporate Bond Liquidity Stabilization Fund หรือ BSF และให้ ธปท. ซื้อ-ขายหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าว
พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันว่า รัฐบาลมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการรักษาสุขภาพคนไทย หากสิ่งใดที่รัฐบาลมีปัญหาขอให้เห็นใจ เพราะรัฐบาลทำงานกับคนจำนวนมาก เพื่อดูแลประชาชนที่มีจำนวนมากเช่นกัน โดยในที่ประชุม ครม. ตนได้ประกาศให้โควิด 19 เป็นวาระแห่งชาติแล้ว
พร้อมกันนี้เรายินดีรับข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจ รวมถึงส่วนอื่น ๆ ขอให้เห็นใจรัฐบาล หากสามารถช่วยเหลือได้ก็ขอความกรุณา ส่วนผลประกอบการใน COVID 19 รัฐบาลยินดีช่วยเหลือ แต่ขออย่าเหมารวมทั้งหมด ทุกความคิดเห็นรัฐบาลยินดีรับฟังและนำมาพิจารณา แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก สถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station, เฟซบุ๊ก Live NBT2HD
วันที่ 7 เมษายน 2563 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ระบุว่า มีมติเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ชุดที่ 3 รวมวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท
โดยมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจชุดที่ 3 นั้น ประกอบด้วย พ.ร.บ. 1 ฉบับ และ พ.ร.ก. 3 ฉบับ ได้แก่
2. การออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 5 แสนล้านบาท (ซอฟต์โลน) ซึ่งเป็นการบริหารเงินการคลัง ไม่ใช่การกู้ยืมเงิน แต่เป็นการเพิ่มอำนาจในการจัดสรรงบประมาณ
3. การออก พ.ร.ก.เงินกู้ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ไม่เกินวงเงิน 1 ล้านล้านบาท แหล่งที่มาเงินสกุลบาทภายในประเทศ กำหนดเวลาการกู้ต้องให้เสร็จภายใน 30 กันยายน 2564 หรือ 1 ปี 6 เดือน ทั้งนี้ จะไม่เป็นการกู้ครั้งเดียว แต่เป็นการทยอยกู้ตามวัตถุประสงค์ การใช้งบประมาณ เพื่อดูแลและเยียวยาเศรษฐกิจและผู้ได้รับผลกระทบ แบ่งเป็นด้านสาธารณสุข ใช้เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 6 แสนล้านบาท และที่เหลืออีก 4 แสนล้านบาท จะนำมาพัฒนาเศรษฐกิจ โดยสามารถโอนย้ายระหว่างกันได้
4. พ.ร.ก.ดูแลเสถียรภาพภาคการเงิน 4 แสนล้านบาท ด้วยการตั้งกองทุนรวม Corporate Bond Liquidity Stabilization Fund หรือ BSF และให้ ธปท. ซื้อ-ขายหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าว
พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันว่า รัฐบาลมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการรักษาสุขภาพคนไทย หากสิ่งใดที่รัฐบาลมีปัญหาขอให้เห็นใจ เพราะรัฐบาลทำงานกับคนจำนวนมาก เพื่อดูแลประชาชนที่มีจำนวนมากเช่นกัน โดยในที่ประชุม ครม. ตนได้ประกาศให้โควิด 19 เป็นวาระแห่งชาติแล้ว
พร้อมกันนี้เรายินดีรับข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจ รวมถึงส่วนอื่น ๆ ขอให้เห็นใจรัฐบาล หากสามารถช่วยเหลือได้ก็ขอความกรุณา ส่วนผลประกอบการใน COVID 19 รัฐบาลยินดีช่วยเหลือ แต่ขออย่าเหมารวมทั้งหมด ทุกความคิดเห็นรัฐบาลยินดีรับฟังและนำมาพิจารณา แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก สถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station, เฟซบุ๊ก Live NBT2HD