สหรัฐฯ วิกฤตหนัก ถึงขนาดแพทย์พิจารณาปรับเกณฑ์ใช้คำสั่ง "ปฏิเสธการกู้ชีพ" ผู้ป่วยโควิด 19 ที่อาการหนัก อาจถึงคราวจำเป็นต้องเลือกคนไข้ ใครได้ไป หรือไม่ได้ไปต่อ
ภาพจาก CHANDAN KHANNA / AFP
สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญวิกฤตโควิด 19 อย่างหนัก โดยล่าสุด (27 มีนาคม 2563) ยอดผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส พุ่งไปมากกว่า 85,505 ราย สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก แซงทั้งจีนและอิตาลี
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น และวอชิงตันโพสต์ รายงานว่า ขณะนี้โรงพยาบาลแนวหน้าสู้โควิด 19 หลายแห่งทั่วสหรัฐฯ กำลังถกประเด็นร้อนแรงเรื่องการพิจารณาปรับเปลี่ยนเกณฑ์การใช้คำสั่ง ปฏิเสธการกู้ชีพ (Do-Not-Resuscitate หรือ DNR) เนื่องจากสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โรงพยาบาลต้องรับมือกับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่หลั่งไหลเข้ารับการรักษาจำนวนมาก สวนทางกับทรัพยากรทางการแพทย์ บุคลากรขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกัน ส่วนผู้ป่วยอาการหนักขาดแคลนเครื่องช่วยหายใจ
โรงพยาบาลนอร์ธเวสเทิร์น เมมโมเรียล ในชิคาโก ได้เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายการปฏิเสธการช่วยชีวิตผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงความต้องการของผู้ป่วย หรือสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา รวมทั้งยังเสนอพิจารณาถึงเรื่องการจัดลำดับความสำคัญในการมีชีวิตรอดของผู้ป่วย อาจถึงคราวจำเป็นต้องเลือกคนไข้ให้ใครได้ไป หรือไม่ได้ไปต่อ พวกเขาอาจจะต้องยอมสละชีวิต เพื่อช่วยให้บุคลากรทางแพทย์ได้มีชีวิต เพื่อช่วยอีกหลายชีวิต
ขณะที่เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน เผยว่า พวกเขาก็กำลังคุยในเรื่องนี้เช่นกัน แต่ตอนนี้ยังคงปฏิบัติการช่วยชีวิตผู้ป่วย COVID-19 โดยประยุกต์อุปกรณ์และวิธีการไปก่อน เช่น ใช้แผ่นพลาสติกกั้นระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ ส่วนที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในซีแอตเทิล ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา ของสหรัฐฯ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าขณะนี้ โดยการจำกัดบุคลากาทางการแพทย์ที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยอาการหนักที่อยู่ในภาวะหัวใจหยุดเต้น (cardiac arrest) หรือหยุดหายใจ (respiratory arrest)
เช่นเดียวกับที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งในภูมิภาค ต่างกำลังมองหาแนวทางที่จะช่วยลดความเสี่ยงของแพทย์ โดยให้สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกับทางผู้ป่วยโควิด 19 หรือครอบครัวเป็นกรณี ๆ ไป เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเรื่องจริยธรรมทางการแพทย์ ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จำนวนหลายราย เริ่มร่างนโยบายเพื่อแก้ไขกฎเกณฑ์พิจารณาปฏิเสธการกู้ชีพให้สามารถใช้ได้จริง
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่