ลูกใจสลาย แม่เสียชีวิตเพราะโควิด 19 คาดติดโรคหลังไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เกต วอนคนเว้นระยะห่างจากกัน และเลี่ยงการไปพื้นที่สาธารณะ ย้ำไม่อยากให้ครอบครัวใดต้องสูญเสียเช่นเดียวกัน
![โควิด 19]( "โควิด 19")
ภาพจาก DANIEL LEAL-OLIVAS / AFP
วันที่ 25 มีนาคม 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า ลูกชายที่ใจสลายได้ออกมาส่งข้อความถึงคนในสังคม ให้เคารพกฎรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างจริงจัง และอย่าออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น ภายหลังแม่ผู้ชราของเขาเพิ่งจะสิ้นใจ เพราะติดโควิด 19 (COVID-19) จากการไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เกตในท้องถิ่น และเขาก็กลัวเหลือเกินว่าซูเปอร์มาร์เกตอาจกลายมาเป็นแหล่งแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า
ในขณะที่รัฐบาลอังกฤษได้สั่งให้ประชาชนอยู่ภายในบ้าน ก็ยังพบคนจำนวนมากที่ฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐบาล และยังคงไม่ยอมรักษาระยะห่างจากกันอย่างน้อย 2 เมตร นอกจากนี้ยังมีนักช้อปจำนวนมากที่แห่กันเข้าไปหาซื้อของในซูเปอร์มาร์เกตต่าง ๆ จนมีผู้คนแออัด
![โควิด 19]( "โควิด 19")
ภาพจาก JUSTIN TALLIS / AFP
เมื่อภาพของนักช้อปที่แห่ซื้อสินค้าและเข้าคิวรอจ่ายเงินกันอย่างแออัดปรากฏออกไป เจฟฟ์ ฮอว์ส ชายวัย 58 ปี จากเมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ ก็ตัดสินใจออกมาเผยถึงเรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับ เจน ฮอว์ส แม่วัย 87 ปี ของเขา หวังเป็นอุทาหรณ์ให้นักช้อปเหล่านั้นใส่ใจตัวเองมากขึ้น
โดย เจฟฟ์ เผยว่า แม่ของเขาเป็นผู้ชราที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโควิด 19 ดังนั้น เธอจึงมีความระมัดระวังอย่างมากและอยู่แต่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ แม่ของเขาจะออกจากบ้านเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น เพื่อไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็นจากซูเปอร์มาร์เกตในท้องถิ่น โดยที่เขาเป็นคนขับรถพาเธอไป
ในการช้อปปิ้งแต่ละครั้ง แม่ของเขาใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะรีบกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม หลังการไปซื้อของครั้งสุดท้ายในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม่ของเขาก็เริ่มมีอาการไม่สบายเหมือนจะเป็นหวัด แต่เนื่องจากอาการของเธอไม่หนัก ไม่มีสัญญาณบอกว่าเข้าข่ายติดโควิด 19 ทำให้ไม่ได้ไปโรงพยาบาลในทันที เมื่อเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ อาการของแม่เขาก็แย่ลงอย่างมาก แต่ยังคงไม่มีอาการไอและไม่มีไข้
จนกระทั่งวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา อาการของแม่ทรุดหนักจนลุกจากเตียงไม่ได้ เจฟฟ์เลยตัดสินใจเรียกรถพยาบาลมารับตัวเธอ ซึ่งในตอนแรกเธอก็ยังไม่แสดงอาการของโรคโควิด 19 แต่เมื่อเจ้าหน้าที่แพทย์มาถึง อุณหภูมิร่างกายของเธอก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ
จากเดิมที่ทีมแพทย์คิดว่าแม่อาจติดเชื้อในช่องอกเท่านั้น แต่ผลสุดท้ายแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยโคเวนทรีก็ยืนยันว่าแม่ของเขาเป็นผู้ป่วยโรคโควิด 19
เจฟฟ์และลูก ๆ ได้ถูกกักตัวหลังจากนั้น และไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล เขาปวดใจอย่างมากที่ทำได้เพียงโทรศัพท์ไปถามอาการของเธอบ่อย ๆ ก่อนจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมอาการของเธอโดยต้องสวมชุดป้องกันอย่างเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม แม่ของเจฟฟ์ได้เสียชีวิตในช่วงบ่ายวันที่ 23 มีนาคม ซึ่งมันทำให้เขาใจสลาย และไม่ต้องการให้มีครอบครัวไหนต้องมาเผชิญสิ่งที่เขาได้พบเจอมา จึงตัดสินใจนำเรื่องมาเตือนผู้คนในสังคม
"มันเป็นเหมือนความบ้าคลั่ง ที่ผู้คนยังออกไปรวมกลุ่มหรือปาร์ตี้บาร์บีคิวกัน ทำเหมือนใช้ชีวิตปกติธรรมดา คนอื่น ๆ อาจคิดว่ามันเป็นเรื่องน่ากลัวก็จริง แต่คงไม่ส่งผลอะไรกับตัวเอง แต่หากคุณคิดดูจริง ๆ เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นกับเราได้เช่นกัน" เจฟฟ์ ระบุ
ทั้งนี้ โพสต์ของเขาได้ถูกแชร์ต่อออกไปในวงกว้าง และมีผู้คนมากมายเข้ามาร่วมแสดงความเสียใจกับการจากไปของเจน
ขณะที่ทางซูเปอร์มาร์เกตรายใหญ่หลาย ๆ เจ้าในอังกฤษ ก็เริ่มหาวิธีป้องกันการระบาดของโคโรนาไวรัสภายในร้านของตัวเองแล้ว โดยมีการจัดหาเจลล้างมือมาให้บริการ ให้พนักงานสวมถุงมือ ตลอดจนขอให้ขาช้อปทั้งหลายเว้นระยะห่างระหว่างกัน รวมถึงเว้นระยะห่างจากพนักงานด้วย ซึ่งจากนี้ก็คงต้องอาศัยความร่วมมือจากคนในสังคมว่าจะสามารถปฏิบัติตาม เพื่อช่วยกันระงับการแพร่ระบาดของโรคได้มากแค่ไหน
.jpg "โควิด 19")
ภาพจาก DANIEL LEAL-OLIVAS / AFP
วันที่ 25 มีนาคม 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า ลูกชายที่ใจสลายได้ออกมาส่งข้อความถึงคนในสังคม ให้เคารพกฎรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างจริงจัง และอย่าออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น ภายหลังแม่ผู้ชราของเขาเพิ่งจะสิ้นใจ เพราะติดโควิด 19 (COVID-19) จากการไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เกตในท้องถิ่น และเขาก็กลัวเหลือเกินว่าซูเปอร์มาร์เกตอาจกลายมาเป็นแหล่งแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า
ในขณะที่รัฐบาลอังกฤษได้สั่งให้ประชาชนอยู่ภายในบ้าน ก็ยังพบคนจำนวนมากที่ฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐบาล และยังคงไม่ยอมรักษาระยะห่างจากกันอย่างน้อย 2 เมตร นอกจากนี้ยังมีนักช้อปจำนวนมากที่แห่กันเข้าไปหาซื้อของในซูเปอร์มาร์เกตต่าง ๆ จนมีผู้คนแออัด
.jpg "โควิด 19")
ภาพจาก JUSTIN TALLIS / AFP
เมื่อภาพของนักช้อปที่แห่ซื้อสินค้าและเข้าคิวรอจ่ายเงินกันอย่างแออัดปรากฏออกไป เจฟฟ์ ฮอว์ส ชายวัย 58 ปี จากเมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ ก็ตัดสินใจออกมาเผยถึงเรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับ เจน ฮอว์ส แม่วัย 87 ปี ของเขา หวังเป็นอุทาหรณ์ให้นักช้อปเหล่านั้นใส่ใจตัวเองมากขึ้น
โดย เจฟฟ์ เผยว่า แม่ของเขาเป็นผู้ชราที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโควิด 19 ดังนั้น เธอจึงมีความระมัดระวังอย่างมากและอยู่แต่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ แม่ของเขาจะออกจากบ้านเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น เพื่อไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็นจากซูเปอร์มาร์เกตในท้องถิ่น โดยที่เขาเป็นคนขับรถพาเธอไป
ในการช้อปปิ้งแต่ละครั้ง แม่ของเขาใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะรีบกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม หลังการไปซื้อของครั้งสุดท้ายในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม่ของเขาก็เริ่มมีอาการไม่สบายเหมือนจะเป็นหวัด แต่เนื่องจากอาการของเธอไม่หนัก ไม่มีสัญญาณบอกว่าเข้าข่ายติดโควิด 19 ทำให้ไม่ได้ไปโรงพยาบาลในทันที เมื่อเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ อาการของแม่เขาก็แย่ลงอย่างมาก แต่ยังคงไม่มีอาการไอและไม่มีไข้
จนกระทั่งวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา อาการของแม่ทรุดหนักจนลุกจากเตียงไม่ได้ เจฟฟ์เลยตัดสินใจเรียกรถพยาบาลมารับตัวเธอ ซึ่งในตอนแรกเธอก็ยังไม่แสดงอาการของโรคโควิด 19 แต่เมื่อเจ้าหน้าที่แพทย์มาถึง อุณหภูมิร่างกายของเธอก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ
จากเดิมที่ทีมแพทย์คิดว่าแม่อาจติดเชื้อในช่องอกเท่านั้น แต่ผลสุดท้ายแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยโคเวนทรีก็ยืนยันว่าแม่ของเขาเป็นผู้ป่วยโรคโควิด 19
เจฟฟ์และลูก ๆ ได้ถูกกักตัวหลังจากนั้น และไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล เขาปวดใจอย่างมากที่ทำได้เพียงโทรศัพท์ไปถามอาการของเธอบ่อย ๆ ก่อนจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมอาการของเธอโดยต้องสวมชุดป้องกันอย่างเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม แม่ของเจฟฟ์ได้เสียชีวิตในช่วงบ่ายวันที่ 23 มีนาคม ซึ่งมันทำให้เขาใจสลาย และไม่ต้องการให้มีครอบครัวไหนต้องมาเผชิญสิ่งที่เขาได้พบเจอมา จึงตัดสินใจนำเรื่องมาเตือนผู้คนในสังคม
"มันเป็นเหมือนความบ้าคลั่ง ที่ผู้คนยังออกไปรวมกลุ่มหรือปาร์ตี้บาร์บีคิวกัน ทำเหมือนใช้ชีวิตปกติธรรมดา คนอื่น ๆ อาจคิดว่ามันเป็นเรื่องน่ากลัวก็จริง แต่คงไม่ส่งผลอะไรกับตัวเอง แต่หากคุณคิดดูจริง ๆ เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นกับเราได้เช่นกัน" เจฟฟ์ ระบุ
ทั้งนี้ โพสต์ของเขาได้ถูกแชร์ต่อออกไปในวงกว้าง และมีผู้คนมากมายเข้ามาร่วมแสดงความเสียใจกับการจากไปของเจน
ขณะที่ทางซูเปอร์มาร์เกตรายใหญ่หลาย ๆ เจ้าในอังกฤษ ก็เริ่มหาวิธีป้องกันการระบาดของโคโรนาไวรัสภายในร้านของตัวเองแล้ว โดยมีการจัดหาเจลล้างมือมาให้บริการ ให้พนักงานสวมถุงมือ ตลอดจนขอให้ขาช้อปทั้งหลายเว้นระยะห่างระหว่างกัน รวมถึงเว้นระยะห่างจากพนักงานด้วย ซึ่งจากนี้ก็คงต้องอาศัยความร่วมมือจากคนในสังคมว่าจะสามารถปฏิบัติตาม เพื่อช่วยกันระงับการแพร่ระบาดของโรคได้มากแค่ไหน
