อย.แจงข้อเท็จจริง วัคซีน sinovac กลายเป็นเจลเกิดจาก เก็บที่อุณหภูมิเย็นเกินไป พบแค่จำนวน 110 ขวด และเก็บคืนเพื่อทำลายแล้ว ย้ำยังไม่ได้ฉีดให้ประชาชน
ภาพจาก cadu.rolim / Shutterstock.com
โดยพบมีลักษณะสารละลายของวัคซีนโควิด มีการรวมตัวเป็นเจลใสติดบริเวณด้านในของขวดวัคซีน และเจลดังกล่าวไม่หายไปหลังการเขย่า แต่พบเพียงในแหล่งฉีดวัคซีนบางแห่งเท่านั้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากกระบวนการเก็บรักษาและการขนส่งที่ไม่ควบคุมอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติในทะเบียนตำรับยา คือ 2.8 องศาเซลเชียส
ภาพจาก gungpri / Shutterstock.com
ทั้งนี้ หากท่านพบลักษณะของปัญหาดังกล่าว ขอให้ระงับการฉีดวัคซีนรุ่นการผลิตที่พบและแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป สำหรับแนวทางการบริหารจัดการวัคซีน ของกรมควบคุมโรคซึ่งระบุคำแนะนำสำหรับการเก็บรักษาวัคซีนโควิด 19 ของ บริษัท Sinovac Life Sciences จำกัด ให้เก็บไว้ที่ชั้นกลางหรือชั้นที่ 2 ของตู้เย็น และห่างจากจุดปล่อยความเย็น
ล่าสุด TNN รายงานว่า นพ.สุรโชค กล่าวชี้แจงว่า สาเหตุที่วัคซีนซิโนแวคกลายเป็นเจลใสนั้น เนื่องจาก เกิดจากกระบวนการเก็บรักษาไม่เหมาะสม โดยสถานที่ฉีดบางแห่งที่อยู่นอกโรงพยาบาล อาจไม่มีเจลสำหรับรักษาอุณหภูมิวัคซีนโควิดที่ปกติต้องเก็บในความเย็น 2-8 องศา จึงนำน้ำแข็งเข้าช่วยรักษาอุณหภูมิวัคซีน เมื่อน้ำแข็งใกล้ขวดวัคซีนเกินไปทำให้อุณหภูมิต่ำลงกว่า 2-8 องศา ส่งผลให้วัคซีนจำนวน 110 ขวด มีลักษณะเป็นเจลใส และตรวจสอบโดยละเอียด โดยพบว่าวัคซีนยังมีคุณภาพไม่ได้เกิดปัญหาจากกระบวนการผลิต แต่สาเหตุมาจากกระบวนการเก็บรักษาในบางพื้นที่เท่านั้น
และขณะนี้ได้สั่งทำลายวัคซีน 110 ขวดที่กลายเป็นเจลแล้ว เพราะไม่เหมาะกับการฉีด และได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการขนส่งและเก็บรักษาวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก
ทั้งนี้ ยืนยันว่าวัคซีนที่เกิดปัญหายังไม่ได้นำไปฉีดให้กับประชาชน เพราะก่อนจะนำไปฉีดทุกครั้งจะมีการตรวจสอบคุณภาพวัคซีนทุกครั้งเสมอ ขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย
และขณะนี้ได้สั่งทำลายวัคซีน 110 ขวดที่กลายเป็นเจลแล้ว เพราะไม่เหมาะกับการฉีด และได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการขนส่งและเก็บรักษาวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก
ทั้งนี้ ยืนยันว่าวัคซีนที่เกิดปัญหายังไม่ได้นำไปฉีดให้กับประชาชน เพราะก่อนจะนำไปฉีดทุกครั้งจะมีการตรวจสอบคุณภาพวัคซีนทุกครั้งเสมอ ขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ
