เพจดังเปิดเหตุผล 10 ข้อ ทำให้ประเทศไทยไม่มีผู้ป่วย โควิด 19 ทะลุหลักหมื่น หลักแสน เหมือนบางประเทศ จนองค์การอนามัยโลกยังชื่นชม
วันที่ 21 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก Infectious ง่ายนิดเดียว ได้โพสต์ข้อความเผยเหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยของเรามีผู้ติดเชื้อ โควิด 19 จำนวนน้อยมาก ไม่ถึงหลักหมื่นหรือหลักแสนเหมือนบางประเทศ ว่า ปัจจุบันผู้ป่วย COVID-19 ในบางประเทศ เช่น อเมริกา ป่วย 760,000 ตาย 40,000 / สเปน ป่วย 200,000 ตาย 20,000 / อิตาลี ป่วย 178,000 ตาย 20,800 / ฝรั่งเศส ป่วย 152,000 ตาย 19,000 / เยอรมนี ป่วย 145,000 ตาย 4,600 / สหราชอาณาจักร ป่วย 120,000 ตาย 16,000
เกิดอะไรขึ้นกับประเทศเหล่านี้ที่มีระบบการแพทย์ การสาธารณสุข น่าจะพัฒนามากกว่าเรา เวลาผ่านไป 3 เดือน เป็นเครื่องยืนยันว่าระบบไทยเราดีไม่แพ้ชาติใดในโลก สมกับถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ของเอเชีย และที่ 6 ของโลก
1. ประเทศไทยมีระบบคัดกรองชุมชนที่ดี อสม. 1.4 ล้านคน เคาะประตูบ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน (รพ.สต.) ทำงานอย่างจริงจัง จนทำให้องค์การอนามัยโลกชื่นชม เฉพาะที่ อสม. ก็สามารถคัดกรองส่งกลุ่มเสี่ยงเข้าระบบไปแล้วกว่า 5,000 ราย
รวมทั้ง จนท. รพ.สต. และ นวก.สาธารณสุข ก็ทำงานเต็มที่ ทำให้ไม่แพร่ในชุมชน และยังช่วยกันผลิตหน้ากากผ้า สอนให้ความรู้จริงจังในชุมชน ตรงกันข้ามกับบางประเทศที่มีความเป็นอยู่แบบบ้านใครบ้านมัน คนในชุมชนก็คอยเป็นหูเป็นตา บ้านไหนเสี่ยง บ้านไหนกลับจากต่างประเทศ ก็จะสอดส่องกัน รายงานผู้เกี่ยวข้อง ประชาชนมีองค์ความรู้ ป้องกันตัวเองในระดับดี
2. อบต. อบจ. ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ฐานะ EOC มีอำนาจสั่งการเต็ม ล็อกดาวน์ ปิดเมือง สนับสนุนด้านกำลังคน ตั้งด่านวัดไข้ ทำหน้าที่ได้อย่างสุดยอด
3. ทีมระบาด นักระบาด SRRT มดงานคนสำคัญ ที่ทำงานสอบสวน ค้นหา ลงพื้นที่ตามเคสสัมผัสผู้ป่วย โควิด 19 มาตรวจ ทำหน้าที่อย่างกับโคนัน สืบไทม์ไลน์แต่ละเคส ไปที่ไหน ใครเสี่ยง พิกัดจุดเสี่ยง ทั่วประเทศ รวมถึงทีมกรมควบคุมโรค สคร. / ทีมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่มีการตั้งแล็บ 91 แห่งทั่วประเทศ จนถึงวันนี้ได้ทำการตรวจไปแล้ว 1.4 แสนตัวอย่าง / ทีม สสจ. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โดยทุกฝ่ายทำงานกันอย่างหนักเพื่อสู้กับ โควิด 19
4. ทีมหน้าด่านทางเข้าประเทศ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ คัดกรองไปแล้ว 6.5 ล้านคน โดยทีมคัดกรอง ที่สถาบันพยาบาล โรงพยาบาล ทั่วประเทศ ทั้งภาครัฐ เอกชน ตรวจจับเคสเข้าข่ายสอบสวนโรค 40,000 ราย พบคนไข้ยืนยัน 2,700 ราย และป้ายคอเพื่อหาเชื้อไปแล้ว 1.4 แสนครั้ง ตรวจมากกว่าประเทศญี่ปุ่น ที่มีการระบาดระลอก 2 ในปัจจุบัน
5. ทีมอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญใน รพ. แพทย์ ทั้งที่ยังทำงาน และเกษียณราชการแล้วที่อยู่เบื้องหลังการระดมสมอง ออกแนวทางการดูแลรักษาที่ได้มาตรฐานของไทยเอง โดยมีการสอน อบรม และอัปเดตข้อมูลตลอดเวลา พร้อมเร่งผลิตวัคซีน ผลิตยา ให้มีจำนวนเพียงพอหากเกิดการระบาดระลอก 2
6. ทีมมดงานในสถาบัน โรงพยาบาล หมอ แผนไทย พยาบาล เภสัชกร ทันตแพทย์ MT RT PT นวก. สาธารณสุข และ back office ประชาสัมพันธ์ การเงิน แม่บ้าน รปภ. จ่ายกลาง นิติเวช โภชนาการ ห้องบัตร ฝ่ายช่าง นักสังคมสงเคราะห์ palliative และจิตอาสา ที่ช่วยกันทำงานอย่างหนัก และร่วมกันซักซ้อมแผนทั้งบนโต๊ะ ซ้อมสถานการณ์จริง เตรียมความพร้อมของเตียงคนไข้ ห้องไอซียู ห้องแยกโรค ให้มีความพร้อมรองรับสถานการณ์
7. ประชาชนที่ให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามคำแนะนำ โดยการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ กินร้อน ช้อนเรา ล้างมือ สวมหน้ากาก ห่างกัน 1-2 เมตร ที่เห็นชัดต่างจากต่างประเทศ คือ หน้ากากอนามัย เราใส่มากกว่าในยุโรป ตั้งแต่ระบาด แถมบางท้องที่ไม่ใส่ถือว่าผิดกฎหมาย
มีความช่วยเหลือจากภาครัฐต่าง ๆ และภาคเอกชน ประชาชน ที่ช่วยกันบริจาคสิ่งของ เงิน อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น หน้ากาก ชุดหมี กล่องอะคริลิก เตียงเคลื่อนย้ายคนไข้แรงดันลบ ยินดีสละโรงแรมให้ทำเป็นห้องแรงดันลบ และให้ใช้เป็นสถานที่เป็นที่กักกัน หรือ state quarantine เพื่อรองรับเคสคนไทยกลับจากต่างประเทศ โดยเตรียมไว้ทั้งสิ้น 20,000 ราย ตอนนี้ใช้ไปเพียง 2,300 ราย ทั้งยังมีการตรวจจับ และสกัดคนไทยที่ติดเชื้อจาก state quarantine ได้ 70 คน ทำให้ไม่แพร่กระจายในชุมชน
8. วัฒนธรรมของประเทศไทยใช้การไหว้ ไม่สัมผัสตัวกัน เหมือนต่างประเทศ เราจึงเห็นราชวงศ์อังกฤษ แนะนำให้ไหว้อย่างเอเชีย ลดการจับมือ กอด จูบ ในช่วงโควิด 19
9. ภูมิอากาศของประเทศไทยมีความร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไวรัสโคโรนาไม่ได้ชอบ ต่างจากต่างประเทศที่มีอากาศเย็นกว่าไทย แต่ข้อควรระวังคือ หลังจากเข้าสู่ฤดูฝน หนาว โรคประจำถิ่นเจ้าเก่าจะมาเยือน ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก หลอดลมอักเสบจากอาร์เอสวีในเด็ก ทุกคนจึงต้องเร่งต้องรีบจบกับโคโรนาอีก 1-3 เดือน ก่อนเชื้อเหล่านี้จะมา
10. ประเทศไทยไม่ได้ใช้รถไฟฟ้าเป็นระบบขนส่งมวลชนหลัก การแพร่เชื้อจึงอาจน้อยกว่าบางประเทศที่จำเป็นต้องอัดเป็นจำนวนมากในรถไฟ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีความกังวลเกี่ยวกับการเดินทางของผู้คนเรือนแสน ว่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดหนักทั่วประเทศ แต่จากข้อมูลจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กราฟการเดินทางเคลื่อนย้ายมวลชนมีการลดลงอย่างชัดเจน
เพจ Infectious ระบุทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันพวกเราเดินมาครึ่งทางของโรคระบาด โควิด 19 แล้ว ขอให้ทุกคนภูมิใจในความเป็น "ทีมไทยแลนด์" เราจะชนะ ก้าวข้ามโควิดไปด้วยกัน แสงสว่างที่ปลายทางอุโมงค์สวยงามเสมอ หากถามว่าใครคือ ฮีโร่ ทำให้ไทยรอดวิกฤต คำตอบคือ "คนไทยทุกคน" เราคือทีมเดียวกัน รักเธอประเทศไทย
อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 ได้ที่นี่
ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Infectious ง่ายนิดเดียว