หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร สามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ สรุปข้อมูล ควรฉีดเมื่อไหร่ ต้องพิจารณาปัจจัยอะไรบ้าง
วันที่ 29 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าวไทย รายงานว่า กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผลการประชุมคณะกรรมการอนามัยแม่และเด็กแห่งชาติ โดยมีมติเห็นชอบให้หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร สามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ เพื่อลดความเสี่ยง
แต่ต้องพิจารณาจัดลำดับตามความเสี่ยง ดังนี้
แต่ต้องพิจารณาจัดลำดับตามความเสี่ยง ดังนี้
1. ในรายที่มีโรคประจำตัว ได้แก่
- โรคเบาหวาน
- ความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจ
- โรคหอบหืด
- โรคปอด
- โรคไทรอยด์
2. ในรายที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อ
- บุคลากรทางการแพทย์
3. ในรายที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดสูง
ควรรับวัคซีนเมื่อไหร่
ฉีดได้ที่ไหน
ข้อปฏิบัติหลังฉีดวัคซีน
หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมลูกยังคงต้องปฏิบัติตนตามมาตรการ DMHTTA อย่างเคร่งครัด ด้วยการเว้นระยะห่างจากบุคคลใกล้ชิด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือเป็นประจำ งดออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น งดใช้ของส่วนตัวร่วมกันกับคนในบ้าน และประเมินความเสี่ยงตนเองผ่าน "ไทยเซฟไทย"
สำหรับสมาชิกในบ้านควรให้ความสำคัญในการช่วยปกป้องหญิงตั้งครรภ์จากการสัมผัสเชื้อ โดยให้คิดไว้เสมอว่า หญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเปราะบาง และมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
ทั้งนี้ หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมลูกจะต้องได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ ผลข้างเคียงของวัคซีน ความเสี่ยงที่จะติดโรคโควิด 19 และความรุนแรงของโรค ก่อนการตัดสินใจ
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ในขณะนี้ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสจะเกิดอาการรุนแรงเมื่อติดโควิด 19 ได้มากกว่าคนที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ จึงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
โดยจากการสำรวจของกรมอนามัย ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2563 - 27 พฤษภาคม 2564 พบว่า มีหญิงตั้งครรภ์ติดโควิด 19 จำนวน 288 ราย แม้ว่า 70% จะไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย แต่ก็พบหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตจากภาวะปอดอักเสบ ที่มีสาเหตุจากการติดโควิด 19 แล้ว จำนวน 6 ราย ทารกเสียชีวิตในครรภ์ จำนวน 1 ราย อัตราคลอดก่อนกำหนด ร้อยละ 18 เด็กทารกคลอดออกมาแล้วติดเชื้อ จำนวน 17 ราย
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย