ฉีดวัคซีนโควิด ที่ อเมริกา โดยคุณศาสดา ต้องใช้อะไร-เตรียมเอกสารอย่างไร-ผลข้างเคียง

          คุณศาสดาเผยเหตุผลหลัก ๆ ของการตัดสินใจมาฉีดวัคซีนโควิด 19 ไว้คือว่า ตนอยากฉีดวัคซีนมาก เนื่องจากตนและคุณแม่เป็นกลุ่มเสี่ยง และมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง แต่หลังจากที่คิดไตร่ตรอง และประเมินสถานการณ์ดีแล้ว ตนมองไม่เห็นว่าวัคซีนดี ๆ ที่ตนต้องการนั้นจะเข้ามาทางไหน ตนจึงตัดสินใจที่จะปรึกษาหมอ เพื่อถามความเสี่ยงว่าถ้าขึ้นเครื่องแล้ว โอกาสจะติดเชื้อในเครื่องมีสูงหรือไม่ ซึ่งหมอบอกว่าความเสี่ยงไม่สูง เพราะระบบหมุนเวียนอากาศดี การบินมาที่สหรัฐอเมริกาใช้เวลา 16 ถึง 18 ชั่วโมงอยู่บนเครื่อง

          คุณศาสดา ให้เหตุผลขยายความเพิ่มเติมว่า วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นานั้น เป็นวัคซีนที่ดีที่สุดในโลกอย่างที่รู้กัน แต่รัฐบาลไทยเพียงวัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า ตนไม่รู้ว่าวัคซีนโมเดอร์นาที่เป็นวัคซีนทางเลือกนั้น จะเข้ามาตอนไหน อีกอย่างคือ ตนไม่เห็นการทำงานเชิงรุกจากภาครัฐ การตรวจแบบปูพรมอย่างที่ต่างประเทศทำ ตนกลัวว่าหากเกิดอะไรขึ้นจะเป็นเหมือนในต่างประเทศ ที่โรงพยาบาลล้น เตียงไม่พอ เลยขอไปฉีดวัคซีนที่อเมริกาแทน 

ภาพจาก ทวิตเตอร์ @IamSasdha

          - คุณศาสดา ได้ทำการจองฉีดวัคซีนกับห้างขายยา CVS ของอเมริกา จองเพียงวันเดียวก็ได้เลย และเลือกรัฐที่จะมาฉีดคือรัฐนิวยอร์ก เพราะจากการสอบถามเพื่อนที่อยู่ที่นี่ ต่างบอกว่าที่นี่ให้ฉีดได้ และนายกเทศมนตรีของนิวยอร์กก็ประกาศให้ทุกคนเข้าถึงวัคซีนได้ ตนเลยเลือกที่นี่

          - การจองฉีดวัคซีนนั้น พบว่า เว็บไซต์ที่ทำการจองได้ล็อกให้เฉพาะคนที่อยู่ในอเมริกาใช้ได้เท่านั้น หากอยากจองต้องมุด VPN เข้าไป และยังมีเว็บที่แนะนำจุดฉีดวัคซีนอีก ซึ่งพอถึงเวลามันจะลิงก์ไปที่ร้านขายยาใกล้ตัวเรา

          - คุณศาสดาเผยว่า ตอนนี้ค่าตั๋วบินจาก กทม ไปที่นิวยอร์ก หรือ แอลเอ ไปกลับถือว่าไม่แพงมาก ชั้นประหยัดอยู่ที่ประมาณ 26,000-31,000 บาท ส่วนชั้นธุรกิจอยู่ที่ประมาณ 88,000 บาทเท่านั้น ซึ่งคุณศาสดาเลือกนั่งของสายการบิน ANA และเมื่อขึ้นเครื่องจริงพบว่า ทั้งลำโล่งมากมีคนแค่ 10-15 คน แต่ตนอยากให้คุณแม่นั่งสบาย ๆ เลยเลือกชั้นธุรกิจแทน

          -  สิ่งที่คนกังวลมากที่สุดคือ กลัวเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งคุณศาสดาก็ได้เตรียมตัวมาพอสมควร ก่อนหน้านี้มีคนขู่ว่า ตม. เข้มมาก มีแบนวีซ่าแล้วส่งกลับประเทศ กระทั่งกราวด์ก่อนขึ้นบินยังเตือนว่า วีซ่าท่องเที่ยวจะเดินทางทำไมในช่วงนี้ ถ้าโดนส่งกลับต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งกลายเป็นว่า คนไทยขู่กันเอง

          -  เมื่อไปเจอเหตุการณ์จริง ตม. ถามแค่ว่า มาทำอะไร มานานแค่ไหน เอาเงินสดมาเท่าไร แล้วก็ปล่อยให้ผ่าน

          - ในเรื่องที่พัก คุณศาสดาพักในโรงแรม ซึ่งหากจองตามเว็บไซต์ท่องเที่ยวจะถูกกว่าจองโดยตรง คุณศาสดาเปิดโรงแรมนอนคืนละประมาณ 5,000 บาท พักทั้งหมด 30 วัน แต่หากใครมีญาติพี่น้องที่นี่ มาคนเดียว หรือพักโฮสเทล ราคาก็น่าจะถูกกว่านี้

          - เบ็ดเสร็จคุณศาสดาเสียไปประมาณ 500,000 บาท

ภาพจาก ทวิตเตอร์ @IamSasdha

            คุณศาสดาเดินทางไปฉีดวัคซีนที่ร้านขายยาที่นัดเอาไว้ ไปถึงก็เจอเจ้าหน้าที่ ยื่นพาสปอร์ตเพื่อตรวจเช็กการนัดหมาย ไม่มีการซักถามถึงความเป็นพลเมืองหรือใด ๆ จากนั้นก็จะมีสต๊าฟเรียกให้ไปฉีด ใช้เวลาฉีดไม่นาน สองคนไม่ถึง 5 นาที ไม่ต้องรอคิว และนั่งดูอาการ 20 นาที เสร็จแล้วทางเจ้าหน้าที่จะย้ำว่าอย่าลืมมารับวัคซีนเข็มที่ 2 ซึ่งจะฉีดที่เดิม หรือไปฉีดที่ไหนก็ได้ แค่ถือบัตรไป

            คุณศาสดายืนยันว่า ในตอนนี้ ที่สหรัฐอเมริกาสามารถวอล์กอิน หรือเดินเข้าไปฉีดวัคซีนโควิดได้เลย ไม่ต้องรอคิว และร้านยาหลัก ๆ ทั้ง CVS, Wallgreen, Reit aid มีให้ฉีดแทบทุกสาขา หรือวัคซีนของจอห์นสันนั้น สามารถฉีดได้ที่สนามบิน JFK ได้ทันที

            สำหรับผลข้างเคียงนั้น คุณแม่ของคุณศาสดาไม่มีปัญหาอะไร แต่คุณศาสดาปวดแขนนิดหน่อย อ่อนเพลีย ง่วง มึน กลับมาห้องแล้วก็หลับ กินยาพาราเซตามอลแล้วนอน ตื่นมาก็เพลีย มีไข้ต่ำ เมื่อยแขน และหิวน้ำ แต่ไม่มีอาการรุนแรงใด ๆ 

            คุณศาสดายอมรับว่า ก่อนหน้านี้ตนก็กังวลเรื่องผลข้างเคียงบ้าง เพราะไม่อยากมาป่วยที่ต่างประเทศ แต่ตนศึกษามาแล้วและพบว่า วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ถือว่าผลข้างเคียงต่ำมาก เคสที่แพ้รุนแรงหรือเสียชีวิตมีน้อย ตนมั่นใจในงานวิจัย องค์กรต่างประเทศ และ อย. ของประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่จะระงับการใช้วัคซีนถ้าเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น 

ภาพจาก ทวิตเตอร์ @IamSasdha

            การฉีดวัคซีนเสร็จแล้วที่ต่างประเทศ แต่กลับไทยก็ยังคงต้องกักตัวอีก 14 วัน ซึ่งตรงนี้คุณศาสดาและคุณแม่ต้องจ่ายเองราว ๆ 80,000 บาท 

            สำหรับใครที่อยากมาฉีดแล้วกังวลในเรื่องเงิน คุณศาสดาบอกว่า หากใครเลือกที่พักถูก ๆ งบประมาณ 120,000 ก็อยู่ หรือถ้าใครรับวัคซีนของจอห์นสัน มาฉีดเข็มเดียวแล้วกลับประเทศไทย ก็จะยิ่งช่วยเรื่องงบประมาณได้อีก ตกแล้วอาจจะอยู่ที่ แค่ 80,000 ถึง 100,000