ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ระบุข่าวชาร์จค่าบริหารจัดการ 10% ไม่เป็นความจริง แต่อาจจะมีค่าดำเนินการเช่น ค่าขนส่ง ค่าจัดเก็บ ตอนนี้อยู่ขั้นตอนรวบรวมจำนวน ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องราคากับ รพ. เอกชน
จากกรณี นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป เปิดเผยบางช่วงบางตอนผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ระบุว่า ในเรื่องการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ให้ทางเอกชนนั้น ทางโรงพยาบาลต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 2 ครั้ง และทางองค์การเภสัชฯ คิดค่าบริหารจัดการ 5-10% จนอาจทำให้ต้นทุนวัคซีนป้องกันโควิด มากเกินกว่า 2,000 บาท ส่วนกรณีการนำเข้าวัคซีนของโมเดอร์นา องค์การเภสัชฯ จะซื้อก่อน ทุกคนจะต้องไปซื้อที่องค์การนี้ คิดค่าบริการ 10% และหลังจากนั้นไม่นาน นพ.บุญ ก็ได้ทำหนังสือขอโทษองค์การเภสัชกรรม ที่นำเสนอข้อมูลที่ทำให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อนนั้น
อ่านข่าว : หมอบุญ อ้าง องค์การเภสัชกรรม ชาร์จค่าวัคซีน รพ. เอกชน 10% ภาษี 2 เด้ง ล่าสุดขอโทษแล้ว
ล่าสุดวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า การให้ข้อมูลดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาองค์การเภสัชกรรมยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงตัวเลขราคา และต้นทุนต่าง ๆ กับทางโรงพยาบาลเอกชนเลย พร้อมยืนยันว่า การกำหนดราคาขายวัคซีนให้กับโรงพยาบาลเอกชนนั้น จะเป็นราคาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน
การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้โรงพยาบาลเอกชน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมความต้องการวัคซีน เพื่อยืนยันคำสั่งซื้อแจ้งจำนวนความต้องการไปยังบริษัทผู้นำเข้า และเป็นผู้ได้รับอนุญาตทะเบียนยา โดยองค์การเภสัชกรรม เป็นเพียงหน่วยงานอำนวยความสะดวกในการซื้อวัคซีนให้แก่โรงพยาบาลเอกชน โดยมีเพียงค่าดำเนินการต่าง ๆ อาทิ ค่าจัดเก็บ ค่าจัดส่ง ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ ประมาณร้อยละ 3-5 และรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 เท่านั้น
ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ระบุอีกว่า องค์การเภสัชกรรม เป็นองค์กรภาครัฐที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ ภายใต้ข้อกำหนดของบริษัทที่ต้องบริหารจัดการและกระจายวัคซีนด้วยองค์กรภาครัฐ ซึ่งเป็นแนวทางของผู้ผลิตทั่วโลก เนื่องจากวัคซีนโควิดทุกชนิดในตอนนี้เป็นวัคซีนสำหรับใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยการดำเนินงานครั้งนี้ เป็นไปตามแนวทางการจัดซื้อวัคซีนให้โรงพยาบาลเอกชนเพิ่มเติม เพื่อให้มีวัคซีนจากหลายบริษัทเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก องค์การเภสัชกรรม
