สาวถึงกับช็อก ผลตรวจโควิด 19 ผิดพลาด ตอนแรกไม่ติด แต่ถูกพาไปรักษาร่วมกับผู้ติดเชื้อ ตอนนี้กลายเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง
จากกรณีหญิงสาวผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาเปิดเผยไทม์ไลน์เที่ยวขอนแก่น หลังได้รับแจ้งจากทางสาธารณสุขเชียงใหม่ ว่าเธอติดโควิด 19 ทำให้เธอถูกชาวเน็ตเข้ามาโจมตีอย่างมากมาย แต่สุดท้ายผลสรุปจริง ๆ ออกมาว่า เธอไม่ได้ติดเชื้อ แต่ปัญหาก็คือ เธอกลายเป็นผู้เสี่ยงสูง เนื่องจากถูกนำตัวไปรักษากับผู้ป่วยคนอื่น ๆ
โดยล่าสุด (13 เมษายน 2564) เธอได้ชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า เคสของเธอเกิดจากการทำงานผิดพลาดของสาธารณสุขเชียงใหม่ ที่บอกผลตรวจเธอผิดว่าติด COVID-19 และประสานงานผิดพลาดกับโรงพยาบาลลำปาง เอกสารยืนยันอะไรก็ไม่มี แล้วรับเธอเข้ารักษาได้อย่างไร เธอต้องมานอนโรงพยาบาล 3 คืน จากที่ไม่เสี่ยง ไม่มีเชื้อ กลายเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูงกว่าเดิม เพราะได้พักรักษาตัวร่วมห้องกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งเธอได้ไล่เรียงไทม์ไลน์เอาไว้ดังนี้
9 เมษายน 2564
- 11.00 น. ตรวจ SWAB ที่โรงพยาบาลประสาท จ.เชียงใหม่ แล้วกลับบ้านที่ลำปาง
10 เมษายน 2564
- 10.30 น. มีเจ้าหน้าที่จาก สสจ.เชียงใหม่ โทร. แจ้งว่า ผลเป็นบวก (ติดเชื้อ) จะทำเรื่องประสานงานกับโรงพยาบาลลำปางให้
- 14.00 น. มีเบอร์จากโรงพยาบาลลำปางโทร. มา รับเรื่องมาจากสาธารณสุขเชียงใหม่ ว่าจะมารับตัวเข้ารับการรักษา ส่วนตัวคิดว่าทั้ง 2 หน่วยงานต้องประสานงาน มีเอกสารยืนยัน ว่าเธอติดเชื้อจริง เพื่อเข้ารับการรักษา
11 เมษายน 2564
- นอนที่โรงพยาบาลและมีผู้ป่วยโควิด-19 มารักษาในห้องเดียวกัน 1 คน
โดยล่าสุด (13 เมษายน 2564) เธอได้ชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า เคสของเธอเกิดจากการทำงานผิดพลาดของสาธารณสุขเชียงใหม่ ที่บอกผลตรวจเธอผิดว่าติด COVID-19 และประสานงานผิดพลาดกับโรงพยาบาลลำปาง เอกสารยืนยันอะไรก็ไม่มี แล้วรับเธอเข้ารักษาได้อย่างไร เธอต้องมานอนโรงพยาบาล 3 คืน จากที่ไม่เสี่ยง ไม่มีเชื้อ กลายเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูงกว่าเดิม เพราะได้พักรักษาตัวร่วมห้องกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งเธอได้ไล่เรียงไทม์ไลน์เอาไว้ดังนี้
9 เมษายน 2564
- 11.00 น. ตรวจ SWAB ที่โรงพยาบาลประสาท จ.เชียงใหม่ แล้วกลับบ้านที่ลำปาง
10 เมษายน 2564
- 10.30 น. มีเจ้าหน้าที่จาก สสจ.เชียงใหม่ โทร. แจ้งว่า ผลเป็นบวก (ติดเชื้อ) จะทำเรื่องประสานงานกับโรงพยาบาลลำปางให้
- 14.00 น. มีเบอร์จากโรงพยาบาลลำปางโทร. มา รับเรื่องมาจากสาธารณสุขเชียงใหม่ ว่าจะมารับตัวเข้ารับการรักษา ส่วนตัวคิดว่าทั้ง 2 หน่วยงานต้องประสานงาน มีเอกสารยืนยัน ว่าเธอติดเชื้อจริง เพื่อเข้ารับการรักษา
11 เมษายน 2564
- นอนที่โรงพยาบาลและมีผู้ป่วยโควิด-19 มารักษาในห้องเดียวกัน 1 คน
12 เมษายน 2564
- 22.20 น. พยาบาลโทร. มาถามว่ามีใบเอกสารยืนยันไหมว่าเป็น ซึ่งเธอไม่มี เข้าใจว่าทั้ง 2 หน่วยงานประสานกัน และต้องมีเอกสารก่อนรับเธอเข้าแล้ว งงมาก เธอจึงประสานงานกับทางคณะบริหารธุรกิจให้ช่วยตามเรื่องให้
- 22.35 น. เปิดผลตรวจทางออนไลน์ของเว็บ พบว่า "ไม่ติดเชื้อ"
- 23.50 น. ทางโรงพยาบาลแยกเธอมานอนอีกห้องก่อน คาดว่าคงไม่แน่ใจผล งงกันไปหมด สรุปติดหรือไม่ติด
13 เมษายน 2564
- 08.00 น. โรงพยาบาลลำปาง ทำการตรวจเชื้อใหม่รอบ 2
- 08.40 น. สสจ.เชียงใหม่ โทร. มาถามว่าอยู่ไหน โรงพยาบาลอะไร และแจ้งผลว่า ไม่ติดเชื้อ แล้วจะประสานงานให้อีกที ขอเบอร์โทรศัพท์ต้นทาง คนแรกที่โทร. หาเธอไป หลังจากนั้นเขาก็ไม่ติดต่อกลับมาว่าสรุปยังไง
- 12.00 น. คณะบริหารธุรกิจโทร. มาบอกว่า มหาวิทยาลัยติดต่อให้แล้ว ทราบผลว่า ไม่ติดเชื้อ
- 12.30 น. โทร. ขอใบยืนยันผลจาก สสจ.
- 13.00 น. สสจ.เชียงใหม่ ส่งเอกสารยืนยันมาทางอีเมล ผลคือ ไม่ติดเชื้อ
- 15.00 น. ทางโรงพยาบาลลำปาง ยืนยันผลรอบ 2 ว่า ไม่ติดเชื้อ
ทั้งนี้เธอได้ฝากคำถามทิ้งท้ายไว้ 4 ข้อ ดังนี้
1. ตรวจผิดไปแล้วกี่ราย ?
2. สสจ. จะตรวจสอบใหม่ได้ทั้งหมดได้อย่างไร ?
3. จะเยียวยาอย่างไร สำหรับการที่เอาคนปลอดเชื้อไปรวมกับผู้ติดเชื้อ กลายเป็นความเสี่ยงสูง ?
4. มีคนติดจริง ๆ แต่แจ้งผลว่าไม่ติดไหม ? ถ้ามีแสดงว่าคนเหล่านี้ยังใช้ชีวิตปกติโดยไม่รู้ตัว ถ้าเกิดคลัสเตอร์อีก ความผิดใคร ?