วัคซีนโควิด 19 ถึงไทย ตอบข้อข้องใจ ปลอดภัยไหม-ไม่ต้องใส่หน้ากากเลยไหม

          วัคซีนโควิด 19 จาก ซิโนแวค พร้อมมาถึงไทยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 พร้อมตอบทุกคำถาม ว่าใครจะได้ฉีดก่อน มีขั้นตอนอย่างไร ปลอดภัยหรือไม่ ที่นี่

         วัคซีนโควิด 19 ล็อตแรกจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 โดยมีจำนวน 200,000 โดส หลายคนยังมีข้อสงสัยหลายอย่าง เช่น ใครจะได้ฉีดก่อน เราจะได้ฉีดไหม ปลอดภัยหรือเปล่า ขั้นตอนเป็นอย่างไร วันนี้ เราจะมาเปิดเผยเรื่องนี้กันค่ะ

วัคซีนโควิด-19 ของไทยมาจากไหน

          วัคซีนที่ไทยใช้นั้นมีชื่อว่า CoronaVac หรือ วัคซีนซีโนแวค(sinovac) จาก บริษัท ซีโนแวค ไบโอเทค จำกัด (SINOVAC BIOTECH CO., LTD.) สาธารณรัฐประชาชนจีน


วัคซีน Sinovac ปลอดภัยไหม

          ในทางการแพทย์นั้น ทุกสิ่งที่อย่างไม่สามารถพูดหรือยืนยันได้ว่าปลอดภัย เนื่องด้วยข้อกฏหมายต่าง ๆ และผลที่เกิดขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วย สิ่งที่ต้องดูคือการทำงานและประสิทธิภาพที่ได้มีการทดลองกันมากกว่า

          CoronaVac หรือ วัคซีนซีโนแวค (sinovac) นั้นเป็นวัคซีนประเภท Killed Vaccine หรือ วัคซีนเชื้อตาย เพราะนักวิจัยหรือนักพัฒนาจะใช้เชื้อโรคที่ตายแล้วมาทำวัคซีน และเมื่อฉีดไปในร่างกาย ก็จะทำให้เกิดการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้คนเราสร้างแอนติบอดี้ขึ้นมา ไว้ต่อสู้และป้องกันไวรัสนั้นเอง

          ในส่วนวัคซีนจาก Pfizer และ Moderna จะใช้วัคซีนที่มาจากการตัดแต่งพันธุ์กรรมหรือ mRNA ทำให้เมื่อฉีดเข้าไปร่างกายจะเรียนรู้และสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ซึ่งมีหลายรายงานแสดงถึงผลข้างเคียงที่รุนแรงเมื่อฉีดเข้าไป แต่ประสิทธิภาพโดยรวมอยู่ราว ๆ 94 – 95%

          อย่างไรก็ตามผลการทดสอบนั้นไม่สามารถสรุปหรือเปรียบเทียบประสิทธิภาพได้โดยตรง เพราะมีการทดลองที่ต่างกัน


ทำไมไทยถึงเลือกใช้ CoronaVac หรือ วัคซีนซีโนแวค (sinovac)

          มีรายการการทดลองว่า ทางคลินิกที่ชี้ว่าประสิทธิภาพโดยรวม (การทดลองฉีด ผลข้างเคียง การติดตามอาการไม่พึงประสงค์)นั้นประสบความสำเร็จมากกว่า 90% อีกทั้ง วัคซีน CoronaVac นั้นสามารถเก็บได้นานถึง 3 ปีในอุณหภูมิ 2-8 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิของตู้เย็นทั่ว ๆ ไป ซึ่งตรงนี้ส่งผลต่อดีการขนส่งและแจกจ่ายให้กับประชาชนไทยทั่วประเทศมากกว่าวัคซีนอื่น ๆ

เดินทางมาอย่างไร

          การขนส่งวัคซีนล็อตแรกจำนวน 200,000 โดส จาก บริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด สาธารณรัฐประชาชนจีน มายัง ประเทศไทยด้วยเครื่องบินขนส่งสินค้าหรือ Cargo โดยเที่ยวบินที่ TG675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ เครื่องบินที่ใช้คือแอร์บัส A350-900 ออกเดินจากจากจีนช่วง 06.50 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ 10.05 น. โดยตลอดการบินจะมีการควบคุมอยู่ตลอดเวลา และทำตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก

200,000 โดสใครได้ฉีดก่อน

          ในล็อตแรกจำนวน 200,000 โดสนั้น กระทรวงสาธารณสุขเผยว่า จะทำการตรวจสอบรับสินค้าและยืนยันก่อน

          จากนั้นจะเริ่มทดสอบฉีดจากบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเช่น แพทย์ อาสาสมัคร สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ปฏิบัติในพื้นที่เสี่ยงสูง ทั้งหมดที่สมัครใจราว ๆ 3.2 หมื่นคนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564

          ต่อมาคือประชาชนหรือกลุ่มเสี่ยงในเขตพื้นที่เสี่ยงก่อนโดยจะมาจากการสำรวจลงทะเบียน ประชาชนในกลุ่มที่มีโรคประจำตัวเพื่อลดโอกาสการเสียชีวิต (รอแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง)

          ล็อตต่อไปเมื่อได้ครบจำนวนในระยะแรกหรือครบ 2 ล้านโดส ก็จะฉีดเพิ่มให้กับกลุ่มคนตามนี้ต่อไป

          - บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

          - เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ควบคุมโควิด

          - ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นมา

          - บุคคลที่มีโรคประจำตัว ( โรคมะเร็ง, โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคอ้วน, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคเบาหวาน, โรคไตเรื้อรังระยะ 5 ขึ้นไป )

          หลังจากนั้นก็จะฉีดให้กลุ่มคนตามแผนที่ได้วางไว้ตามระยะไปเรื่อย ๆ


ขั้นตอนการฉีดวัคซีน 8 ขั้นตอน 40 นาที

          กระทรวงสาธารณสุขได้เผยข้อมูลมาเบื้องต้นและจะเริ่มทำการทดสอบกับขั้นตอนฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยจะมีทั้งหมด 8 ขั้นตอนใช้เวลาไม่เกิน 40 นาที

ก่อนเข้ารับบริการจะมีจุดคัดกรอง วัดไข้ ล้างมือ และทำตามขั้นตอนดังนี้

          - ลงทะเบียน (ทำบัตร)
          - ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต
          - คัดกรอง, ซักประวัติ, ประเมินความเสี่ยง, ลงนามในใบยินยอมการรับวัคซีน
          - รอฉีดวัคซีน
          - ฉีดวัคซีน
          - รอสังเกตอาการ 30 นาที และสแกน LINE official account หมอพร้อม
          - ตรวจก่อนกลับพร้อมรับเอกสารการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน
          - ประเมินผลความครอบคลุมและติดตามผลการฉีดวัคซีน

ฉีดแล้วป้องกันโควิดได้เลยไหม

          การฉีดวัคซีนนั้นต้องฉีดสองเข็ม (ในล็อตแรกยังไม่สรุปออกมาจะเก็บไว้ฉีดคนละสองเข็มเลยหรือคนละเข็ม) เมื่อฉีดไปเข็มแรก ภูมิคุ้มกันยังจะไม่ถูกกระตุ้นมากพอ ต้องใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือเหมือนปกติ

          ถึงแม้ได้ครบสองเข็มแล้ว ทั่วโลกก็ยังไม่แนะนำให้ใช้ชีวิตตามปกติ ให้สวมหน้ากากอนามัยและทำตามขั้นตอนเดิมอยู่ จนกว่าสถานการณ์ส่วนใหญ่จะดีขึ้น และประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันแล้ว

ล็อตต่อไปมาตอนไหน

          จากที่เคยมีการเผยข้อมูลล็อตต่อ ๆ ไปจะมีไทม์ไลน์ดังนี้

          - เดือนมีนาคม 8 แสนโดส
          - เดือนเมษายน 1 ล้านโดส
          - เดือนพฤษภาคม เริ่มทยอย 26 ล้านโดสตามแผนการฉีด (พร้อมหาเพิ่ม)


ข้อมูลจาก INN