สธ. ยัน หั่นงบบัตรทอง ไม่กระทบสิทธิ์ ปชช. ชี้ ใช้เป็นงบค่าจ้างบุคลากรทางการแพทย์ ต้องโอนเป็นงบกลางก่อน จึงจะจัดสรรงบประมาณสำหรับข้าราชการบรรจุใหม่ได้
อ่านข่าว : เคลียร์ประเด็น อนุทิน ให้คำมั่น ไม่ตัดงบบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกโรค
เกี่ยวกับเรื่องนี้วันที่ 25 เมษายน 2563 สำนักข่าวไทย รายงานว่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันชี้แจงประเด็นดังกล่าว ระบุว่า งบประมาณดังกล่าวเป็นค่าจ้างในการบรรจุบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข มีแหล่งเงินเตรียมพร้อมสำหรับการบรรจุบุคลากรทางการแพทย์เป็นข้าราชการประมาณ 40,000 คน ดังนั้น ผู้มีสิทธิในบัตรทองจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และยังได้รับสิทธิในการรักษาดูแลเช่นเดิม นี่คือสี่งที่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ
และเมื่อรับบรรจุมาแล้วก็มีค่าใช้จ่ายตามมา ซึ่งวิธีปฏิบัติไม่สามารถโอนงบประมาณที่เป็นค่าจ้างพนักงานมาเป็นเงินเดือนของข้าราชการได้ทันที แต่ต้องโอนเป็นงบกลางก่อน จึงจะจัดสรรมาเป็นงบประมาณสำหรับข้าราชการบรรจุใหม่ได้ และที่ต้องบรรจุบุคลากรทางการแพทย์เป็นข้าราชการนั้น เพราะในช่วงวิกฤตโควิด 19 เพราะบุคลากรทางการแพทย์ทำงานอย่างหนัก และเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
ทั้งนี้ แต่ละปีกระทรวงสาธารณสุขมีแหล่งรายได้สำคัญจากงบประมาณ งบเงินเดือน ที่สำคัญคืองบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) งบจากกรมบัญชีกลาง สิทธิข้าราชการ และงบจากผู้ป่วยที่บริจาคให้กระทรวงสาธารณสุข การบรรจุข้าราชการครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องตัดงบประมาณของบัตรทองจำนวน 2,400 ล้านบาทมาใช้ เนื่องจากสำนักงบประมาณเตรียมงบประมาณไว้รองรับแล้ว
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักข่าวไทย