ทิม พิธา เสนอ C.O.V.I.D แก้ปัญหา โควิด 19 เชื่อไทยเข้าเฟส 3 แน่ ต้องรับมือให้ดี

          พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอหลักการ  C.O.V.I.D แก้ปัญหา  COVID-19 ต้องรับมือให้ดี ตั้งจุดคัดกรอง สื่อสารทางเดียว พัฒนาวัคซีน แยกตัว และบูรณาการข้อมูล


          แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ COVID-19 ยังคงอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดระยะที่ 2 แต่หลายฝ่ายก็ต่างออกมาให้ข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ หากประเทศไทยต้องเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาแนะนำวิธีการรับมือเชื้อไวรัสโคโรน่า โดยอ้างอิงข้อมูลการคาดการณ์สถานการณ์จากกระทรวงสาธารณสุข พร้อมขอให้ทุกคนมีวินัย ใช้มาตรการงดพบปะสังสรรค์อย่างเข้มงวด เพื่อลดการติดเชื้อเพิ่ม เพื่อช่วยกันปกป้องประเทศ

อ่านข่าว : ธนาธร ฝากถึงคนไทย ว่าด้วยการรับมือ COVID-19 เชื่อถ้ามีวินัย หยุดระยะ 3 ได้


          เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 18 มีนาคม 2563 ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ตอนนี้นั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพื่อเสนอแนะการรับมือ และแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่าประเทศไทยคงต้องเข้าสู่ระยะที่ 3 อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เชื่อว่าพี่น้องประชาชนมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมรับมือดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ จึงเสนอหลักการ C.O.V.I.D โดยมีรายละเอียด ดังนี้



- C คือ Check point : จุดตรวจคัดกรองโรค

          รัฐบาลต้องตั้งจุดตรวจคัดกรองเชิงรุกอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงจุดตรวจได้ง่ายที่สุด และค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด

- O คือ One Voice : สื่อสารเสียงเดียว

          รัฐบาลจะต้องรวมศูนย์การสื่อสารอย่างเป็นทางการไว้ที่แหล่งเดียวหรือคนเดียว เพื่อป้องกันการให้ข้อมูลที่สับสนและคลาดเคลื่อนไม่ตรงกันของหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยลดความตื่นตระหนกในสังคมได้

- V คือ Vaccine : พัฒนาวัคซีน

          เพิ่มงบในการลงทุนกับการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพราะประเทศเรามีบุคลากรเก่ง ๆ และมีศักยภาพสูงมากมาย หากทำได้ เราก็สามารถสร้างอุตสาหกรรมสุขภาพ มีงานเพิ่มขึ้น มีงบวิจัยเพิ่มขึ้น มีห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเพิ่มขึ้น

- I คือ Isolation : การแยกตัว

          การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เป็นมาตรการหลักที่รัฐบาลทั่วโลกใช้เพื่อชะลออัตราการแพร่ระบาดไม่ให้รวดเร็วจนเกินศักยภาพของระบบสาธารณสุข ให้นักการเมืองใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

- D คือ Data : บูรณาการข้อมูล

          ยกตัวอย่างไต้หวันที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการบริหารจัดการวิกฤต จนสถานการณ์คลี่คลาย โดยบูรณาการข้อมูลจาก สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ และหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจสอบประวัติผู้ป่วย และติดตามความเคลื่อนไหวได้ นอกจากนี้ยังทำเว็บไซต์แผนที่แสดงจุดจำหน่ายหน้ากากอนามัยแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้ประชาชนหาซื้อหน้ากากอนามัยได้ง่ายขึ้น

          ทิม พิธา ระบุอีกว่า โรค COVID-19 จะมีผลเสียลามไปถึงระบบเศรษฐกิจ มีหลายสำนักได้ออกมาฟันธงแล้วว่า GDP จะติดลบ -0.8 ถึง 1% และหากโรคนี้จะอยู่กับเราไปอีก 1 ปี เราจะรับมือกันอย่างไร และใช้งบประมาณแค่ไหน ตนเชื่อว่าหากเราผ่านวิกฤตนี้ไปได้ และลงทุนไปกับแผนการต่อสู้กับโรคระบาดในครั้งนี้ จะไม่เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแน่นอน

          โลกไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว การวางแผนตั้งด่านบนท้องถนน การตั้งศูนย์ระบบ การสื่อสารกับประชาชน การลงทุนในวิทยาศาสตร์การแพทย์ การพัฒนาวัคซีน การซักซ้อมการแยกตัวของประชาชน การบูรณาการข้อมูลแบบรัฐบาลต่างชาติ จะเป็นการใช้งบประมาณ การลงทุน ที่ทำให้ประเทศไทยผ่านวิกฤตนี้ไปได้ และเราจะเข้มแข็งขึ้น

>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่


ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทิม พิธา เสนอ C.O.V.I.D แก้ปัญหา โควิด 19 เชื่อไทยเข้าเฟส 3 แน่ ต้องรับมือให้ดี อัปเดตล่าสุด 19 มีนาคม 2563 เวลา 11:39:31 21,283 อ่าน
TOP