กรมวิทย์ฯ อัปเดตการเฝ้าระวังโควิดกลายพันธุ์ในประเทศ พบสายพันธุ์อัลฟามากที่สุด ส่วนสายพันธุ์เดลตา ปัจจุบันกระจายอยู่ใน 20 จังหวัด ล่าสุดเจอติดเชื้อ 10 ราย เป็นคนไข้ รพ. แห่งหนึ่งใน กทม.
วันที่ 17 มิถุนายน 2564 ข่าวช่องวัน รายงานว่า นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยความคืบหน้าจากการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 ตั้งแต่รอบการระบาดเดือนเมษายน เป็นต้นมา ซึ่งมีการสุ่มตรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 5,500 ราย พบว่า เชื้อโควิดที่ระบาดในไทยมากที่สุดยังคงเป็นสายพันธุ์อัลฟา (สายพันธุ์อังกฤษ) รองลงมาคือ สายพันธุ์เดลตา (สายพันธุ์อินเดีย) และสายพันธุ์เบตา (สายพันธุ์แอฟริกา)
- สายพันธุ์อัลฟา พบจำนวน 4,528 ราย คิดเป็นร้อยละ 89.6
- สายพันธุ์เดลตา พบจำนวน 496 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.6
- สายพันธุ์เบตา พบจำนวน 31 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.6
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ภาพจาก Bignai / Shutterstock.com
ภาพจาก Bignai / Shutterstock.com
สำหรับสถานการณ์ในขณะนี้ พบว่า อัตราการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุ์อินเดีย 2 เพิ่มขึ้นกว่า 20 จังหวัด โดยทั้งหมดเชื่อมโยงกับพื้นที่แรกที่พบ คือแคมป์คนงานหลักสี่ กทม. ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด โดยพบเพิ่มในจังหวัดละ 1-2 ราย ได้แก่
- พิษณุโลก
- เพชรบูรณ์
- นครนายก
- ชลบุรี
- จันทบุรี
- ขอนแก่น
- ร้อยเอ็ด
- อุดรธานี
- สกลนคร
- บุรีรัมย์
- ชัยภูมิ
- อุบลราชธานี
- ปทุมธานี
- พะเยา
และล่าสุดพบรายงานคลัสเตอร์ใหม่ สายพันธุ์เดลตา (สายพันธุ์อินเดีย) ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของ กทม. โดยข้อมูลพบว่า มีกลุ่มผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 10 ราย เป็นกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการรักษาตัว แต่ต้องรอข้อมูลการสอบสวนโรคอีกครั้ง ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์เดิม คือแคมป์คนงานหลักสี่หรือไม่
นอกจากนี้ นพ.ศุภกิจ คาดการณ์ว่า สายพันธุ์เดลตา (สายพันธุ์อินเดีย) จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเหมือนสายพันธุ์อัลฟา (สายพันธุ์อังกฤษ) ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า สายพันธุ์เดลตาและสายพันธุ์อัลฟาจะมีความใกล้เคียงกัน ต้องเฝ้าระวังว่าจะมีผลต่อเรื่องการเสียชีวิต และมีผลต่อวัคซีนมากน้อยเพียงใด
ขณะที่ TNN รายงานเพิ่มเติมจากข้อมูลพบว่า ขณะนี้สายพันธุ์เดลตามีความไวในการแพร่ระบาดมากกว่าสายพันธุ์อัลฟาถึง 40% โดยสายพันธุ์เดลตาในไทยขณะนี้ ถือว่ายังทรงตัว แต่ก็ต้องเฝ้าระวัง เพราะหากพบว่ามีอัตราการแพร่ระบาดสูง เช่น จากสัปดาห์ละ 9% เป็น 12-15% อาจต้องมีการพิจารณาขยับระยะห่างการรับวัคซีนเข็ม 1 และเข็ม 2 แต่ตอนนี้โควิดสายพันธุ์ใดก็ตาม วัคซีนช่วยได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งการฉีดวัคซีนตอนนี้ยังเป็นสิ่งจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า การตรวจสายพันธุ์ไม่จำเป็นต้องตรวจทุกราย แต่จะตรวจในกลุ่มที่เฝ้าระวังโดยเฉพาะ เช่น กลุ่มที่มีอาการรุนแรง กลุ่มคลัสเตอร์หรืออยู่ในพื้นที่ที่ไม่เคยมีการระบาดมาก่อนแล้วพบการแพร่ระบาด การเฝ้าระวังตามชายแดน รวมถึงกรณีเคสที่รับวัคซีนแล้วพบการติดเชื้อ
ทั้งนี้ หลังจากผลตรวจสายพันธุ์ออกมา จะทำการแจ้งผลกลับไปยังพื้นที่นั้น เพื่อดำเนินการควบคุมสอบสวนโรคต่อไป
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูล ข่าวช่องวัน, TNN