หมอมนูญ ถอดบทเรียน โควิด 19 รอบ 2 ในประเทศเวียดนาม ไทม์ไลน์คล้ายประเทศไทย ล่าสุดเวียดนามต้องล็อกดาวน์อีกครั้ง ยืนยันโควิดรอบ 2 ในไทยมาแน่ เชื้อกลายพันธุ์รุนแรงกว่ารอบแรก การ์ดอย่าตก
วันที่ 8 สิงหาคม 2563 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ถอดบทเรียนจากโควิด-19 ที่ระบาดรอบที่ 2 ในประเทศเวียดนาม พร้อมยืนยันว่าโควิด 19 ในระเทศไทยกลับมาแน่ ซึ่งจะรุนแรงกว่ารอบแรก พร้อมเตือนอย่าหลงคำเยินยอ WHO
ระบาดรอบแรก
วันที่ 23 มกราคม ผู้ป่วย COVID 19 คนแรกของประเทศเวียดนามเป็นคนจีน เดินทางจากเมืองอู่ฮั่น จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึง 415 คน และไม่มีคนเสียชีวิต หลังจากล็อกดาวน์ประเทศต้นเดือนเมษายน เป็นเวลา 15 วัน ห้ามนักเดินทางจากต่างประเทศเข้าประเทศ และออกมาตรการต่าง ๆ เวียดนามไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศตั้งแต่กลางเดือนเมษายน นานถึง 99 วัน จากนั้นเวียดนามเริ่มผ่อนคลายมาตรการ เปิดร้านอาหาร สถานบันเทิง บาร์ โรงแรม โรงเรียน สนับสนุนคนในประเทศท่องเที่ยวเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารในประเทศ
ระบาดรอบที่ 2
เวียดนามเผชิญการระบาดครั้งใหม่แบบกลุ่มก้อนในชุมชน ระบาดไปหลายเมือง ไม่สามารถระบุที่มาของการระบาดครั้งใหม่ รู้แต่ว่าเมืองดานัง เป็นศูนย์กลางของการระบาด วันที่ 22 กรกฎาคม เริ่มพบผู้ติดเชื้อใหม่ เป็นคนไข้รายที่ 416 หลังจากนั้นมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่ม 332 คน มีผู้เสียชีวิตรายแรกวันที่ 31 กรกฎาคม ภายใน 2 สัปดาห์มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 10 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเวียดนามสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพิ่มเป็น 747 คน
เหวียน แถ่ง ลอง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สายพันธุ์ของไวรัสที่พบในการระบาดครั้งใหม่เป็นสายพันธุ์มาจากต่างประเทศที่แพร่ระบาดได้ง่าย ผู้ป่วย 1 คน แพร่เชื้อให้กับคนอื่น 5-6 คน เมื่อเทียบกับการระบาดรอบแรกคือ ผู้ป่วย 1 คน แพร่เชื้อให้กับ 1.8 ถึง 2.2 คน และสายพันธุ์นี้รุนแรง ทำให้ป่วยหนักเร็วขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า และทำให้เสียชีวิตถึง 10 คน ในเวลาอันสั้น การระบาดในรอบนี้อาจส่งผลกระทบหนักกว่าครั้งก่อนหน้า เจ้าหน้าที่ต้องเริ่มล็อกดาวน์เมืองดานัง และอีกหลายเมืองอีกครั้ง
ภาพจาก Vietnam Stock Images / Shutterstock.com
วันที่ 28 กรกฎาคม ประชาชนต้องอยู่แต่ในบ้าน ยกเว้นเมื่อจำเป็นต้องออกมาซื้อสิ่งของ ธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว งดทำกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ ตั้งแต่ 10 วันที่แล้ว
เวียดนาม มีประชากร 96 ล้านคน เคยได้รับการชื่นชมจากทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผลงานการควบคุมการระบาดของโรคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ประเทศไทยก็ได้รับการยกย่องความสำเร็จนี้จากองค์การอนามัยโลก จากกรณีไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศติดต่อกัน 72 วัน
การระบาดรอบที่ 2 ในประเทศไทยมาแน่ และจะรุนแรงกว่ารอบแรก เพราะเชื้อไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลกขณะนี้เป็นเชื้อที่กลายพันธุ์ ทำให้มีการระบาดติดต่อได้ง่าย และรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดก่อนหน้านี้
ถ้าใครเชื่อว่าเชื้อกลายพันธุ์ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรค ขอให้ดูอัตราตายจากโรค COVID-19 ในประเทศอิตาลี คือ 58.19 ต่อแสนประชากร เมื่อเทียบกับประเทศจีน 0.34 ต่อแสนประชากร ซึ่งมากกว่ากัน 170 เท่า และประเทศที่รับเชื้อจากอิตาลี เช่น สหรัฐอเมริกา บราซิล อัตราตายสูงกว่าจีน ประมาณ 140 เท่า
"เราต้องไม่หลงคำเยินยอขององค์การอนามัยโลก อย่าชะล่าใจหลังจากประสบความสําเร็จ ยิ่งเรากำลังผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เหมือนเวียดนาม เราต้องระมัดระวังมากขึ้น การ์ดห้ามตก ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เราใส่เพื่อเขา เขาใส่เพื่อเรา เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร และล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลก่อนเอามือมาแคะจมูก ขยี้ตา"
ภาพจาก Tony albelton / Shutterstock.com
ภาพจาก Vietnam Stock Images / Shutterstock.com
